โครงการขยายเครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ‘ฟิอามมา(Fiamma)’ กำลังได้รับความสนใจจากชุมชนคริปโต หลังมีรายงานว่ากำลังพัฒนา ‘บริดจ์ที่เชื่อถือได้น้อยที่สุด’ (Trust-minimized Bridge) โดยใช้เทคโนโลยี BitVM2 ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการผลักดันให้บิตคอยน์สามารถใช้งานได้ในระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ(DeFi) และในเครือข่ายครอสเชน
ฟิอามมาเป็นโครงการแรกที่นำ BitVM2 มาใช้สำหรับการตรวจสอบ ‘Zero-Knowledge Proof’ (ZKP) ในลักษณะ ‘Optimistic ZKP’ ซึ่งช่วยลดขนาดของโค้ดบิตคอยน์สคริปต์ที่ใช้ตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมาก โดยจากเดิมซึ่งมีขนาดถึง 7GB ฟิอามมาได้ปรับปรุงให้เหลือต่ำกว่า 1GB ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกรรมและลดต้นทุนในการดำเนินงาน นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่นี้ยังช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายบิตคอยน์ ขณะเดียวกันก็เสริมความสามารถในการปรับขนาดได้
รายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า ฟิอามมากำลังร่วมมือกับบาบิลอน(Babylon) ในการพัฒนาโครงสร้างบริดจ์ที่เชื่อถือได้น้อยที่สุด โดยพวกเขาได้เสร็จสิ้น ‘เฟสแรก’ ของโครงการแล้ว บริดจ์ดังกล่าวใช้ ZKP เพื่อตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมจากบิตคอยน์ที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชนอื่น นอกจากนี้ ฟิอามมายังได้นำวิธี ‘Fragmentation’ หรือการแบ่งส่วน ZK verifier เพื่อลดภาระของบล็อกเชนบิตคอยน์ ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายไว้
นอกจากบาบิลอนแล้ว ฟิอามมายังมีความร่วมมือกับโครงการบิตคอยน์อื่นๆ เช่น Build on Bitcoin(BOB) เพื่อพัฒนาโซลูชั่นที่สามารถเชื่อมต่อบิตคอยน์เข้ากับแอปพลิเคชัน DeFi ได้อย่างราบรื่น ฟิอามมายังเป็นสมาชิกก่อตั้ง ‘BitVM Alliance’ ที่เน้นการรักษาหลักการ ‘Trust-minimized’ ในการพัฒนาสถาปัตยกรรมขยายเครือข่ายบิตคอยน์
เมื่อไม่นานมานี้ ฟิอามมาได้ทำการทดสอบระบบบน Testnet ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 150,000 คน และมีธุรกรรมเกิดขึ้นกว่า 2 ล้านครั้ง ขณะนี้พวกเขากำลังเตรียมการเปิดตัว Beta Testnet พร้อมกับการรวมเข้ากับโปรโตคอลต่างๆ ในระบบ EVM ทั้งนี้ ทางโครงการมุ่งหวังจะเปิดตัวเครือข่ายหลัก(Mainnet) ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยจะเน้นความสมบูรณ์ของเทคโนโลยี ความปลอดภัย และการสร้างความร่วมมือเพิ่มเติม
เทคโนโลยีของฟิอามมาได้รับการมองว่าเป็นก้าวสำคัญในแนวคิด ‘BTC-Fi’ หรือการขยายศักยภาพของบิตคอยน์ในภาคการเงินแบบกระจายอำนาจ ปัจจุบัน อัตราการใช้งานบิตคอยน์ในตลาด DeFi ต่ำกว่า 1% เมื่อเทียบกับเครือข่ายอื่นๆ เช่น อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL) ดังนั้น เทคโนโลยีบริดจ์ที่กำลังพัฒนานี้จึงอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการนำบิตคอยน์เข้าสู่ระบบนิเวศการเงินแบบใหม่อย่างแท้จริง
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อว่า หากการพัฒนาของฟิอามมาสำเร็จตามเป้าหมาย อาจช่วยเปลี่ยนบิตคอยน์จากสินทรัพย์ที่มีไว้เพื่อเก็บมูลค่า กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบการเงินบนบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถของเครือข่ายและขยายขอบเขตการใช้งานไปได้ไกลขึ้น ตลาดจับตาดูว่าฟิอามมาจะสามารถพาบิตคอยน์เข้าสู่ยุคใหม่ของการเงินไร้ตัวกลางได้หรือไม่
ความคิดเห็น 0