Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ภาคเอกชนสะสมบิตคอยน์(BTC) กว่า 100 พันล้านดอลลาร์ ชูเป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ระยะยาว

ภาคเอกชนสะสมบิตคอยน์(BTC) กว่า 100 พันล้านดอลลาร์ ชูเป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์ระยะยาว / Tokenpost

ข้อมูลล่าสุดจาก CoinEasy ระบุว่าแนวโน้มการถือครอง *บิตคอยน์(BTC)* โดยภาคเอกชนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในปี 2025 โดยจำนวนบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในตลาดทุน เอกชนเริ่มมองว่าการสะสมบิตคอยน์คือการลงทุนเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ไม่ใช่เหตุการณ์เดี่ยวอีกต่อไป การที่บริษัทใหญ่ๆ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน เริ่มบันทึกบิตคอยน์ไว้ในงบดุลของตนอย่างจริงจัง ยิ่งเป็นการตอกย้ำสถานะของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลหลักมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์

ตามรายงานของ CoinEasy ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนถือครองบิตคอยน์รวมทั้งสิ้นประมาณ 852,568 BTC หรือคิดเป็น 4.28% ของบิตคอยน์ที่มีอยู่ทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวมกว่า 100.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนเริ่มมอง ‘บิตคอยน์’ เป็น *สินทรัพย์แห่งความเชื่อมั่น* เทียบเท่ากับทรัพย์สินดั้งเดิม CoinEasy มองว่านี่คือการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่เพียงแค่กระแสระยะสั้น

สำหรับบริษัทที่ถือบิตคอยน์มากที่สุดคือ Strategy (ชื่อเดิมคือ MicroStrategy) ซึ่งถือครองมากถึง 607,000 BTC หรือคิดเป็นราว 3% ของบิตคอยน์ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมี Twenty One Capital (43,500 BTC), Marathon Digital (47,531 BTC), Riot Platforms (19,223 BTC), เทสลา(TSLA) (11,509 BTC), Block (8,485 BTC), Galaxy Digital (11,242 BTC) และเกมสต็อป(GameStop) ที่เพิ่งเข้าตลาดปีนี้และถือครองแล้ว 4,710 BTC รวมถึงกลุ่มบริษัทอื่นๆ ที่ต่างสะสมสินทรัพย์นี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในมุมของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม เช่น Vanguard ซึ่งได้กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Strategy ก็เท่ากับว่าได้มีส่วนถือครองบิตคอยน์ *โดยอ้อม* เช่นกัน ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าแม้แต่สถาบันที่ขึ้นชื่อว่าระมัดระวัง ก็ไม่อาจเมินเฉยต่อสินทรัพย์ดิจิทัลได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกบริษัทที่สามารถทนแรงกดดันได้เหมือน Strategy โดยเฉพาะ CFO หลายรายที่มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางการเงิน การปรับตัวต่อความผันผวนของตลาด, ความกดดันจากผู้ถือหุ้น หรือราคาหุ้นที่ผันผวน จึงอาจทำให้บริษัทบางแห่งตัดสินใจขายสินทรัพย์ออกในช่วงวิกฤต CoinEasy เตือนว่าปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2017 ช่วง ICO, ปี 2021 ในกระแส DeFi และเหตุการณ์ล่มสลายของ ‘ลูน่า’ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ราคา *บิตคอยน์* ดิ่งลงอย่างแรง

CoinEasy กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดในช่วงนี้จะเป็นเวทีของการแข่งขันระหว่าง ‘มืออ่อนแอ’ กับ ‘มือแกร่ง’ โดยที่บริษัทที่ไม่สามารถทนแรงกระแทกของตลาดได้ อาจตัดสินใจขายสินทรัพย์ในช่วงขาลง ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนรายย่อยที่วางแผนไว้ล่วงหน้า ผู้ที่เตรียมถือเงินสดไว้ หรือควบคุมความเสี่ยงได้ดี อาจใช้โอกาสนี้เข้าสะสมบิตคอยน์ในราคาต่ำ

ท้ายที่สุด CoinEasy สรุปว่า การที่บริษัทลงทุนใน *บิตคอยน์* จำนวนมากถือเป็นการยืนยันมุมมองที่นักลงทุนรายย่อยเคยมีมานานว่า บิตคอยน์คือ *ทองคำดิจิทัล* หรือ *เงินวิเศษแห่งอินเทอร์เน็ต* ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีอยู่ในงบดุลของบริษัทที่จดทะเบียนในแนสแด็กด้วยมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์โดยตรง พร้อมทิ้งท้ายว่า หากกระแสการซื้อของสถาบันเริ่มแผ่วลง นักลงทุนรายย่อยควรพร้อมรับมือกับช่วงเวลาที่ "พวกเขา" เทขายของ พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ด้วยความระมัดระวังและความพร้อมเต็มที่

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1