จิม แครเมอร์(Jim Cramer) นักลงทุนชื่อดัง ออกมาเตือนอีกครั้งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ตลาดบิตคอยน์(BTC)จะเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยโพสต์ผ่าน X ว่า “ในที่สุดสิ่งนี้ก็เกิดขึ้น” พร้อมชี้ว่าความผันผวนอย่างรุนแรงของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์กำลังส่งผลกระทบมาถึงดัชนี S&P500 แล้ว
แครเมอร์เปรียบเทียบสถานการณ์นี้ว่าเหมือนกับ ‘หางที่แกว่งตัว’ แทนที่ ‘ตัวที่แกว่งหาง’ ซึ่งสะท้อนถึงสิ่งที่เขาเห็นว่า ราคาของบิตคอยน์ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงในตลาดคริปโตเท่านั้น แต่ยังลากดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เช่น S&P500 ให้เคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดคริปโตปรับฐานลงแรงในเวลาเดียวกับที่ตลาดหุ้นก็มีแนวโน้มลบเช่นเดียวกัน
ข้อมูลยืนยันว่า บิตคอยน์เพิ่งร่วงจากระดับประมาณ 124,000 ดอลลาร์ (ราว 1.72 ล้านบาท) ลงมาอยู่ในโซนต้นๆ ของ 110,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.53 ล้านบาท) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ส่งผลให้ตำแหน่งเลเวอเรจสูญหายไปถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.64 ล้านล้านบาท) ในเวลาเดียวกัน ดัชนี S&P500 ก็เกิดแรงขายเช่นกัน ซึ่งเสริมความเชื่อของแครเมอร์ว่า ตลาดสองแห่งเริ่มเคลื่อนไหวสอดคล้องกันมากขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง ปีเตอร์ แบรนต์(Peter Brandt) เทรดเดอร์ระดับตำนาน มีมุมมองในเชิงบวกต่อราคาของริปเปิล(XRP) โดยอิงจากกราฟราคาระยะยาวตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2027 โดยเขาชี้ว่า XRP เพิ่งทะลุแนวต้านของรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร ซึ่งเป็นรูปแบบราคาที่เคลื่อนตัวมาอย่างยาวนาน และเฉพาะรูปแบบที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2018 ถึง 2025 อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของขาขึ้นรอบใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาเตือนด้วยว่า ประวัติศาสตร์ไม่ได้การันตีว่าจะเกิดขึ้นซ้ำอีก
ในขณะที่ โดจคอยน์(DOGE) เผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนรายใหญ่ โดยแหล่งข้อมูลจากแพลตฟอร์มอนุพันธ์แบบกระจายศูนย์อย่าง ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) ระบุว่า มีวาฬในชื่อกระเป๋า ‘0x9eec9’ ซึ่งเคยทำกำไรกว่า 31.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 442 ล้านบาท) ปัจจุบันได้เปิด ‘ชอร์ต’ หรือเดิมพันราคาลงในคริปโตหลายตัว เช่น อีเธอเรียม(ETH), XRP, เปเป้(PEPE) และเอสเตอร์ มูลค่ารวมกว่า 98 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.36 พันล้านบาท) โดยเฉพาะในโดจคอยน์เพียงหนึ่งตัวก็มีปริมาณชอร์ตถึง 32 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 445 ล้านบาท) จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อาจมี ‘ข้อมูลวงใน’ อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้
โดจคอยน์เพิ่งดีดกลับขึ้นมา แต่ไม่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันได้ และหลังจากเจอแรงต้านในช่วง 0.22-0.23 ดอลลาร์ ก็ปรับตัวลงอีกครั้ง โดยวิเคราะห์ทางเทคนิคระบุว่า ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นหลังจากการไม่สามารถฝ่าระดับแนวต้านได้ กลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดแรงขายตามมา
คำเตือนจากจิม แครเมอร์ว่า ‘สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเขย่าตลาดการเงินแบบดั้งเดิม’ กำลังกลายเป็นความเสี่ยงใหม่สำหรับนักลงทุน สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของวาฬและการวิเคราะห์ทางเทคนิคของผู้เชี่ยวชาญที่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการคาดการณ์ทิศทางตลาดในอนาคต
ความคิดเห็น 0