ราคาทองคำพุ่งทำสถิติใหม่ทะลุ 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนความต้องการถือครองทองคำจริงที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางความกังวลด้าน ‘เงินเฟ้อ’ และ ‘การอ่อนค่าของสกุลเงินทั่วโลก’ โดยไม่เพียงแต่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปเท่านั้น แม้แต่ธนาคารกลางหลายประเทศก็เร่งสะสมทองคำเข้าคลังอย่างต่อเนื่อง
ตามรายงานของ Nightly News เมื่อวันที่ 6 (เวลาท้องถิ่น) ณ ร้านจำหน่ายโลหะมีค่าชื่อดัง ABC Bullion ในเมืองซิดนีย์ของออสเตรเลีย มีผู้คนต่อคิวยาวกว่า 60 เมตรเพื่อซื้อทองคำจริง ผู้ซื้อระบุเหตุผลว่า เกิดจาก ‘การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ’, ‘ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว’ และ ‘ความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงิน’ ร้านค้าดังกล่าวถึงกับแน่นขนัดในช่วงเที่ยงวัน และแม้ต้องรอนาน หลายคนยังคงยืนหยัดจะซื้อทองไว้ในมือ
ในฝั่งของธนาคารกลาง กระแส ‘ลดดอลลาร์-เพิ่มทองคำ’ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยข้อมูลจากสภาทองคำโลก (WGC) ระบุว่า ยอดซื้อทองคำของธนาคารกลางในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้นหลายสิบเปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนความกังวลต่อเสถียรภาพของสกุลเงินหลัก และนโยบายการเงินที่ยังไม่แน่นอน
ข้อมูลล่าสุดจาก Yahoo Finance เผยว่า ราคาทองคำปรับขึ้นจากต้นปีถึงปัจจุบันประมาณ *61%* การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ชี้ให้เห็นไม่เพียงแค่ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ยังรวมถึงกลุ่มนักลงทุนวัยหนุ่มสาวที่เริ่มย้ายความสนใจจากคริปโตไปสู่โลหะมีค่า โดยผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ความเห็นว่า *“บิตคอยน์(BTC) และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้น ขณะที่ทองคำยังคงพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในช่วงวิกฤตได้ดี”*
อีกด้านหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ในการส่งสัญญาณปรับเจรจาการค้ากับกลุ่มประเทศผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ ก็ยิ่งเพิ่มแรงสะเทือนต่อราคาทองในตลาดโลก สะท้อนว่า ‘ทองคำ’ ไม่เพียงตอบสนองต่อปัจจัยเศรษฐกิจ แต่ยังอ่อนไหวต่อปัจจัยทางการเมืองด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์จำนวนมากแนะนำให้ *กระจายการลงทุน* ไปที่สินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้ออื่นๆ ร่วมด้วย อาทิเช่น บิตคอยน์(BTC) หรืออีเธอเรียม(ETH) เพื่อลดความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น 0