ตลาดอนุพันธ์คริปโตเคอร์เรนซีเริ่มส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อซีเอ็มอีกรุ๊ป(CME) ครองอันดับ 1 ในด้าน ‘มูลค่ามิได้ชำระ (Open Interest)’ ของสัญญาฟิวเจอร์สสำหรับ 4 สกุลเงินดิจิทัลหลัก ได้แก่ บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) และริปเปิล(XRP) แซงหน้าทั้งไบแนนซ์และบายบิทที่เคยเป็นผู้นำในตลาดนี้มายาวนาน จุดเปลี่ยนดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นสิ้นสุดของ *ยุคตลาดอนุพันธ์ที่ไร้การกำกับดูแล* และเป็นการเริ่มต้นของกระแสใหม่ที่ *การค้าในระบบกฎเกณฑ์ได้รับความนิยมมากขึ้น*
อ้างอิงข้อมูลจาก CoinGlass ขณะที่เขียนข่าวนี้ ซีเอ็มอีมีมูลค่ามิได้ชำระในตลาดสัญญาฟิวเจอร์สรวมกว่า 28,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท) สูงกว่าของไบแนนซ์ที่อยู่ที่ 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 830,000 ล้านบาท) และบายบิทที่มีอยู่ที่ 12,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 440,000 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตลาดสัญญาฟิวเจอร์สภายใต้การกำกับดูแลอย่างซีเอ็มอีก้าวล้ำหน้าตลาดที่เน้นนักลงทุนรายย่อย
ตลาดคริปโตเผชิญแรงเทขายแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งให้การเปลี่ยนแปลงนี้ทวีความชัดเจนขึ้น ราคา *บิตคอยน์และเหรียญหลักอื่น* ดิ่งลงรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดการ *ล้างเลเวอเรจมากกว่า 7,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 260,000 ล้านบาท)* ในตลาดอนุพันธ์ทั่วโลก แม้ภายหลังราคาจะฟื้นตัวขึ้นมาได้บางส่วนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่มูลค่ามิได้ชำระโดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์นี้สอดคล้องกับ *แนวโน้มโลกที่มุ่งเน้นเพิ่มความโปร่งใสและความมั่นคงในตลาด* ซึ่งส่งเสริมให้ตลาดภายใต้การกำกับดูแลเป็นที่ไว้วางใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานอย่างสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐ (SEC) และคณะกรรมการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า(CFTC) ได้ใช้มาตรการเคร่งครัดต่อแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาตมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความพยายามเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมมาตรฐานด้านความปลอดภัยของผู้ลงทุน
อย่างไรก็ตาม ในด้านปริมาณการซื้อขาย ตลาดที่ไร้การกำกับดูแลอย่างไบแนนซ์ยังคงเป็นผู้นำ โดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์สแบบไม่มีวันหมดอายุ(perpetual futures) และกลุ่มอัลท์คอยน์ที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากตลาดอย่างซีเอ็มอีมากนัก แต่มิติที่สำคัญคือ ซีเอ็มอีสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในด้านขนาดของตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งแสดงถึง *การเปลี่ยนขั้วของโครงสร้างตลาดในระยะยาว*
ในอีกด้านหนึ่ง การที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีเป็นมิตรกับอุตสาหกรรมคริปโตมากขึ้น ก็อาจมีผล *ส่งเสริมให้สถาบันการเงินเข้ามาในตลาดอนุพันธ์มากขึ้น* ความไม่แน่นอนเรื่องกรอบกฎหมายที่ลดลงอาจช่วยให้แพลตฟอร์มในระบบอย่างซีเอ็มอีสามารถสยายปีกได้อย่างมั่นคง และเสริมสร้างบทบาทผู้นำของตลาดภายใต้การกำกับดูแลให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในอนาคต.
ความคิดเห็น 0