โปรโตคอลการซื้อขายครอสเชน ‘เชนฟลิป(Chainflip)’ ได้ดำเนินการอัปเกรดซอฟต์แวร์ฉุกเฉินเพื่อสกัดกั้นความพยายามในการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แฮ็กไบบิท(Bybit) ล่าสุด ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเพื่อติดตามเส้นทางของเงินที่ถูกขโมย
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เชนฟลิปได้ประกาศอัปเกรดเป็น ‘เวอร์ชัน 1.7.10’ พร้อมอธิบายว่านี่คือมาตรการเพื่อ ‘ป้องกันการไหลเข้าของเงินที่ผิดกฎหมายและคุ้มครองผู้ให้บริการสภาพคล่อง’ การอัปเกรดครั้งนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบและบล็อกการทำธุรกรรม ทำให้สามารถปฏิเสธธุรกรรมของบิตคอยน์(BTC) ที่มีความเสี่ยงสูงได้ โดยในอนาคต ฟีเจอร์ดังกล่าวจะขยายไปครอบคลุมถึงอีเธอเรียม(ETH) และโทเค็น ERC-20 อื่น ๆ ด้วย
เชนฟลิประบุในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พวกเขาได้ทำการปิดกั้นการเข้าถึงส่วนติดต่อหลักของแพลตฟอร์มทันทีที่พบว่ามีเงินที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กไบบิทเข้ามา ซึ่งหมายความว่าหลังจากการอัปเดตครั้งนี้ กระเป๋าเงินที่มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์แฮ็กจะไม่สามารถใช้บริการของเชนฟลิปได้ อีกทั้ง ทางโครงการยังวางแผนที่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ใช้งานเป็นลำดับแรก
การดำเนินการของเชนฟลิปสะท้อนให้เห็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมบล็อกเชนที่กำลังพัฒนากฎระเบียบของตนเอง เชนฟลิปกล่าวอย่างชัดเจนว่า ‘เราไม่จำเป็นต้องรอให้หน่วยงานกำกับดูแลออกคำสั่ง การดำเนินมาตรการนี้เป็นเรื่องของจริยธรรมและความรับผิดชอบเชิงพาณิชย์’ พร้อมทั้งส่งข้อความเตือนไปยังกลุ่มแฮ็กเกอร์ไบบิทว่า ‘เอาเงินที่ขโมยไปไปที่อื่น เพราะเราไม่ต้องการมัน’
ท่ามกลางกระแสการแฮ็กที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในอุตสาหกรรมคริปโต การดำเนินการของเชนฟลิปถือเป็นกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าเครือข่ายแบบกระจายศูนย์สามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความคิดเห็น 0