หลังการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ของสหรัฐเมื่อวันที่ 24 บิตคอยน์(BTC) กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยสามารถฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ ‘110,000 ดอลลาร์’ (ประมาณ 152.9 ล้านบาท) ได้อีกครั้ง แม้จะเป็นสัปดาห์ที่มี ‘ความผันผวน’ อย่างชัดเจน แต่การฟื้นตัวของสกุลเงินดิจิทัลหลักหลายสกุลได้ช่วยให้มูลค่าตลาดรวมกลับสู่ระดับประมาณ ‘3.85 ล้านล้านดอลลาร์’ (ราว 5,357 ล้านล้านบาท)
บิตคอยน์เผชิญกับภาวะเคร่งเครียดในช่วงสุดสัปดาห์ โดยราคาวูบลงจาก 110,000 ดอลลาร์ สู่ระดับต่ำกว่า 104,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 145.2 ล้านบาท) ภายในวันเดียว สร้างความตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม ราคากลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปแตะ 107,000 ดอลลาร์ ในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนจะพุ่งทะลุ 114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 158.4 ล้านบาท) ในคืนวันอังคาร แต่การแข็งค่าดังกล่าวก็ถูกแรงขายกดกลับมาที่ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 147.3 ล้านบาท) อีกครั้ง
ภายในสภาวะตลาดที่ผันผวนนี้ นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจการประชุมของคณะกรรมการตลาดเสรีสหรัฐ(FOMC) และตัวเลข CPI ประจำเดือนกันยายน ซึ่งปรากฏว่าอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้น 1,000 ดอลลาร์ทันทีเป็น 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 155.6 ล้านบาท) แม้ราคาจะย่อตัวในภายหลัง แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ก็ยังบวกอยู่ที่ ‘5.7%’ ซึ่งเป็นสัญญาณของ ‘การฟื้นตัว’
ในส่วนของ ‘อัลท์คอยน์’ ก็แสดงพลังเช่นกัน โดยเฉพาะ ดอจคอยน์(DOGE), โซลานา(SOL), เชนลิงค์(LINK), ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) และบิตคอยน์แคช(BCH) ต่างทำผลตอบแทนที่ ‘สูงกว่าบิตคอยน์’ ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดฟื้นกลับขึ้นมาแตะ 3.85 ล้านล้านดอลลาร์ และ ‘บิตคอยน์มีสัดส่วนครองตลาดถึง 57.7%’
พร้อมกันนี้ ข่าวใหญ่หลายเรื่องก็ได้เขย่าตลาดเช่นกัน โดย *เจพีมอร์แกน* แจ้งว่าจะเริ่ม ‘ยอมรับบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH)’ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขณะที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ดึงความสนใจจากวงการด้วยการออก ‘คำสั่งอภัยโทษพิเศษประธานาธิบดี’ ให้กับ *ชางเผิง เจา(CZ)* ซีอีโอของไบแนนซ์ ซึ่ง CZ ได้โพสต์ขอบคุณผ่านโซเชียลมีเดีย
ในด้านของนักลงทุนสถาบัน *สตาร์ทีจี(Strategy)* นำโดย ซีอีโอ จู กียอง ทุ่มเม็ดเงิน ‘18.8 ล้านดอลลาร์’ (ราว 2,610 ล้านบาท) ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 168 BTC ส่งผลให้บริษัทมีการถือครองรวมเพิ่มขึ้นเป็น ‘64,418 BTC’
ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต ‘คอยน์เบส’ ได้เข้าซื้อกิจการ *เอคโค่(Echo)* ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านการระดมทุนด้านคริปโต ด้วยมูลค่า ‘375 ล้านดอลลาร์’ (ประมาณ 5,213 ล้านบาท) ในรูปแบบการผสมระหว่างเงินสดและหุ้น โดยถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน ‘ดีลขนาดใหญ่ที่สุดของปี 2025’
บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า ทิศทางถัดไปของราคาบิตคอยน์จะขึ้นอยู่กับ ‘ผลการประชุม FOMC ที่จะมาถึง’ สถานการณ์การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ และ ‘การประชุมระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง’ นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งระบุว่า แม้ภาวะตลาดจะยังมีความผันผวนต่อไป แต่ได้เริ่มมี ‘กระแสบวกก่อตัว’ ในหมู่นักลงทุนอย่างชัดเจนแล้ว ความคิดเห็น: หากปัจจัยต่าง ๆ คลี่คลาย บิตคอยน์อาจบุกขึ้นทดสอบระดับสูงใหม่ในเวลาไม่นาน.
ความคิดเห็น 0