ราคาบิตคอยน์(BTC) แสดงความผันผวนอย่างรุนแรงราวกับนั่ง ‘รถไฟเหาะ’ หลังจากการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ของสหรัฐ ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดการณ์ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งทำสถิติสูงสุด พร้อมกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อวันที่ 11 กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า CPI ประจำเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้เล็กน้อยที่ 3.1% ตัวเลขนี้ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วขึ้น โดยเฉพาะคาดการณ์ว่า ‘การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอาจลากยาวไปถึงปี 2026’ ซึ่งกลายเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อตลาดคริปโต
อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์ยังไม่สามารถยืนในแดนบวกได้ถาวร แม้จะดีดตัวขึ้นทันทีหลังการประกาศ CPI แต่ต้องเผชิญแรงเทขายอย่างรวดเร็ว โดยราคาชนระดับต้านสำคัญที่ประมาณ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านบาท) ตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค มูลค่านี้ถือเป็นแนวต้านระยะสั้น หากไม่สามารถผ่านไปได้อย่างมั่นคง ตลาดอาจเข้าสู่ช่วง ‘พักฐาน’ แทน
นักวิเคราะห์คริปโตเตือนว่า หากราคาบิตคอยน์ไม่สามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ อาจต้องเลื่อนช่วง ‘เปลี่ยนแนวโน้มขาขึ้น’ ออกไป โดยช่วง 100,000 ดอลลาร์ (ราว 1.39 ล้านบาท) ตอนต้น ถือเป็นแนวรับสำคัญที่ต้องจับตา เพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในระยะต่อไป แม้ตลาดโดยรวมจะเริ่มกลับมานิยมสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง แต่ก็ยังสังเกตเห็นท่าทีระมัดระวังจากนักลงทุนที่ต้องการความชัดเจนด้านพื้นฐาน
ขณะเดียวกัน ทิศทางนโยบายของเฟดยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตลาดคริปโตในระยะยาว โดยมี ‘ประเด็นการเมือง’ เพิ่มเข้ามาในสมการ ล่าสุดกระแสคาดการณ์ว่าหากประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง นโยบายลดกฎระเบียบอาจทำให้อุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐได้รับแรงสนับสนุนมากขึ้น ความเป็นไปได้นี้ทำให้นักลงทุนจับตาการเมืองควบคู่กับนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0