เจพีมอร์แกน(JPM) ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตรียมรับ *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* เป็นหลักประกันเงินกู้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดคริปโต การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นว่าโลกของการเงินดั้งเดิมเริ่มเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น และเจพีมอร์แกนกำลังเดินหน้าอย่างจริงจังในทิศทางดังกล่าว โดยรูปแบบใหม่นี้ต่างจากการลงทุนใน ETF แต่เป็นการใช้สินทรัพย์ *คริปโตจริง* มาเป็นหลักประกันโดยตรง พร้อมผลักดันให้คริปโตเข้าใกล้การยอมรับในระดับ *การเงินกระแสหลัก*
ข่าวนี้ถูกเปิดเผยโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน ETF อย่าง เอริก บัลชูนาส(Eric Balchunas) ผ่านแพลตฟอร์ม X โดยระบุว่าเจพีมอร์แกนมีแผนเปิดให้บริการสินเชื่อสำหรับลูกค้าสถาบัน โดยใช้ *บิตคอยน์* และ *อีเธอเรียม* เป็นหลักประกันภายในสิ้นปี 2025 ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนได้ว่าเจพีมอร์แกน ในฐานะหนึ่งในสถาบันการเงินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวอลล์สตรีท กำลังผลักดันให้คริปโตกลายเป็น "สินทรัพย์ทางการเงินภายใต้ระบบกฎหมาย" อย่างแท้จริง
แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า โปรแกรมใหม่นี้จะใช้ระบบผ่าน “ผู้ให้บริการดูแลสินทรัพย์จากภายนอก” เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนสถาบัน ก่อนหน้านี้ เจพีมอร์แกนเคยยอมรับ ETF คริปโตเป็นหลักประกันสินเชื่อมาแล้ว แต่ครั้งนี้ถือว่าก้าวหน้าไปอีกขั้น เนื่องจากเป็น *การใช้คริปโตจริง* แทนที่จะเป็นเพียงกองทุนที่อิงคริปโต
น่าสนใจว่า การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ *บิตคอยน์* และ *อีเธอเรียม* ต่างแสดงศักยภาพทางราคาน่าประทับใจ *บิตคอยน์* พุ่งจากจุดต่ำสุดในปีนี้ที่ 74,752 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.03 ล้านบาท) ไปจนถึงจุดสูงสุดที่ 126,038 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท) ส่วน *อีเธอเรียม* ก็มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน *บิตคอยน์* ซื้อขายที่ราว 110,595 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.54 ล้านบาท) และ *อีเธอเรียม* อยู่ที่ราว 3,924 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.45 แสนบาท)
หลายฝ่ายมองว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของเจพีมอร์แกนอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการ *มาตรฐานในการใช้คริปโตเป็นหลักประกันในตลาดการเงิน* และหากตลาดสินเชื่อปรับตัวรับคริปโตมากยิ่งขึ้น ก็ไม่แน่ว่า *ดีไฟ(DeFi)* และ *ทราดิไฟ(TradFi)* อาจหลอมรวมเป็นระบบเดียวกันในอนาคต
นอกจากนี้ หากการยอมรับคริปโตในภาคการเงินยังคงขยายตัว เทรนด์นี้อาจเร่งให้ *เหรียญหลักๆ อื่นๆ* รวมถึง *อัลท์คอยน์* ผันตัวเป็นสินทรัพย์หลักในตลาดสินเชื่อและตลาดเครดิตได้เช่นกัน ส่งผลให้กรอบการขยายตัวของตลาดโดยรวมกว้างขึ้น และอาจกลายเป็น “*ตัวเร่งราคา*” สำหรับอัลท์คอยน์ในอนาคต
โดยสรุป การประกาศของเจพีมอร์แกนครั้งนี้คือสัญญาณชัดเจนว่า สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมเริ่มร่วมวงกับกระแส *บิตคอยน์* และ *อีเธอเรียม* อย่างจริงจัง ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคริปโตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ความคิดเห็น 0