ก่อนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ บิตคอยน์(BTC) ยังคงซื้อขายในกรอบราคาที่แคบ โดยมีแรงซื้อและขายที่สมดุลกันอย่างต่อเนื่อง ราคาพยายามผ่านแนวต้านที่ระดับ 112,000 ดอลลาร์(ประมาณ 1.55 ล้านบาท) หลายครั้งแต่ถูกแรงขายกดไว้ ขณะเดียวกันในช่วง 107,000 - 108,000 ดอลลาร์(ประมาณ 1.49 - 1.5 ล้านบาท) ก็มีแรงซื้อเข้ามาหนุนอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแนวรับระยะสั้น
แม้ราคาจะเคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัวแบบนี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายยังคงมุมมองในเชิงบวก โดยวิเคราะห์จากกราฟรายสัปดาห์และกราฟ 4 ชั่วโมงที่แสดงรูปแบบ ‘สามเหลี่ยมบีบตัว’ ซึ่งสะท้อนถึงช่วง ‘การอัดตัวของความผันผวน’ ก่อนเกิดการขยับราคาหนักขึ้นอีกครั้ง อย่างกรณีเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลดลงแรง ก็พบว่าเปิดสถานะในฟิวเจอร์สลดลงถึง 50% แต่หลังจากนั้นราคากลับมามีเสถียรภาพและมีแรงซื้อในระดับต่ำตามเข้ามา
นักวิเคราะห์ยังชี้ว่า ปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกอื่น ๆ รวมถึงการไหลเข้าของ ETF และการทยอยสะสมเหรียญในตลาดสปอตโดยทั้งสถาบันและนักลงทุนรายย่อย เป็นสัญญาณว่า ‘บิตคอยน์กำลังอยู่ในช่วงราคาต่ำกว่ามูลค่า’ ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภาพรวม
ในระยะสั้น ตลาดยังเน้นจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะคำแถลงจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ซึ่งนักเทรดส่วนใหญ่มองว่า เหตุการณ์เหล่านี้อาจเป็น ‘ตัวแปรสำคัญ’ ที่จะทำให้บิตคอยน์หลุดออกจากกรอบราคาที่เป็นอยู่ และอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในภาพรวมของตลาดคริปโต
*คำสำคัญ: บิตคอยน์(BTC), ETF, ฟิวเจอร์ส, CPI, สหรัฐ, ความผันผวน, ราคาต่ำกว่ามูลค่า*
ความคิดเห็น 0