บิตคอยน์(BTC) แสดงสัญญาณฟื้นตัวหลังจากเผชิญแรงเทขายในช่วงที่ผ่านมา โดยข้อมูลออนเชนล่าสุดบ่งชี้ว่า ‘แรงขายเริ่มลดลง’ และราคาอาจกลับมา *ฟื้นตัวในระยะสั้น* ได้ในไม่ช้า ในขณะเดียวกัน ตัวชี้วัดสำคัญอย่าง *สัดส่วนบิตคอยน์ในสถานะกำไร* ก็กำลังฟื้นกลับขึ้นมา ซึ่งบางฝ่ายมองว่าราคาอาจพุ่งทะลุ *120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.66 ล้านบาท)* ได้หากภาวะนี้ยังคงอยู่
แอกเซล แอดเลอร์(Axel Adler) นักวิเคราะห์ข้อมูลเผยว่า ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา สัดส่วนของบิตคอยน์ที่อยู่ในสถานะกำไรได้ปรับตัวดีขึ้นจาก -12% เหลือ -6% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่ซื้อสะสมในราคาต่ำยังคงถือครองเหรียญอย่างมั่นคงมากกว่าการเทขายเพื่อเก็งกำไร ถึงแม้ราคาจะย่อตัวลงมาจากจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ *126,198 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท)* มาต่ำสุดกว่า *15,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.08 แสนบาท)* แต่ตลาดก็ไม่ได้เข้าสู่ภาวะเทขายรุนแรงเหมือนในอดีต
บรรยากาศในตลาดเริ่มเปลี่ยนแปลง เนื่องจากแรงขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า “นักลงทุนกำลังมองว่าการย่อตัวของราคาคือ *โอกาสในการเข้าซื้อ* ซึ่งอาจเอื้อต่อการรีบาวด์ในระยะยาวได้”
ล่าสุด บิตคอยน์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ระดับ *111,616 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.56 ล้านบาท)* โดยมีราคาสูงสุดในวันอยู่ที่ *111,850 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.56 ล้านบาท)* อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายลดลง 20.9% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า เหลือเพียง *40.43 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.6 ล้านล้านบาท)* ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ‘ปริมาณซื้อขาย’ จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนการกลับตัวของราคา
ในขณะเดียวกัน ‘ความต้องการจากนักลงทุนสถาบัน’ ก็กลับมาอีกครั้ง โดย เจพีมอร์แกน(JPMorgan) มีแผนยอมรับ *บิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH)* เป็นหลักประกันในการปล่อยกู้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเงินทุนจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่วงการคริปโตมากขึ้น ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า “การมีส่วนร่วมของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพระยะยาวให้กับตลาด”
เมื่อตัวชี้วัดทางเทคนิคและจิตวิทยาตลาดส่งสัญญาณบวกพร้อมกัน หลายฝ่ายมองว่า บิตคอยน์อาจได้สร้าง *ฐานราคารูปแบบใหม่* หลังจากการปรับฐานที่ผ่านมา นักลงทุนระยะยาวจำนวนมากกำลังใช้ช่วงเวลานี้เป็น ‘จุดสะสมเหรียญ’ ซึ่งอาจส่งผลให้ *แรงซื้อในตลาดคริปโตโดยรวมเพิ่มขึ้นในช่วงถัดไป*
ความคิดเห็น 0