เวสเทิร์นยูเนี่ยน(Western Union) บริษัทรับโอนเงินระดับโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก กำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วยการเริ่มต้น *โครงการนำร่องระบบชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์* โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานการโอนเงินแบบเดิมให้กลายเป็นระบบที่ใช้ ‘บล็อกเชน’ เป็นแกนกลาง
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) บริษัทเปิดเผยแผนการนี้เป็นครั้งแรกในงานประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 โดย เดวิน แมคกรานาฮาน(Devin McGranahan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวสเทิร์นยูเนี่ยน ระบุว่า “การทดลองครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาระบบธนาคารแบบเดิม ลดเวลาในการชำระเงิน และเพิ่มประสิทธิภาพด้านเงินทุน โดยการใช้ระบบชำระเงินออนเชนจะทำให้การโอนเงินรวดเร็วและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น”
เวสเทิร์นยูเนี่ยนมีการประมวลผลธุรกรรมระหว่างประเทศกว่า 70 ล้านรายการต่อไตรมาส และให้บริการในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก บริษัทมองว่า ‘เทคโนโลยีบล็อกเชน’ สามารถยกระดับประสิทธิภาพของระบบการโอนเงินได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้าน *ความเร็ว ค่าธรรมเนียม และความโปร่งใสในการติดตามธุรกรรม* ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่ระบบเดิมยังไม่สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มที่
แม้จะเป็นครั้งแรกที่เวสเทิร์นยูเนี่ยนประกาศแผนโครงการนำร่องอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อราว 3 เดือนก่อน บริษัทก็เคยพูดถึงความเป็นไปได้ในการใช้ *สเตเบิลคอยน์สำหรับโอนเงินข้ามพรมแดน* โดยเฉพาะในกรณีที่สามารถควบคุมความเสี่ยงจาก *ความผันผวนของราคา, ความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบ, และความเสี่ยงด้านการคุ้มครองผู้บริโภค* ซึ่งเดิมเคยเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจนำร่องใช้งาน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ‘กฎหมาย GENIUS’ ได้รับการอนุมัติในสหรัฐอเมริกา บริษัทมองว่าบริบทเริ่มเปลี่ยนแปลง และถึงเวลาที่จะผลักดันการทดลองอย่างจริงจัง ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะเร่งการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมโอนเงินไปสู่โลกดิจิทัลโดยสมบูรณ์
*ความคิดเห็น*: การที่บริษัทขนาดใหญ่อย่างเวสเทิร์นยูเนี่ยนเริ่มทดสอบระบบสเตเบิลคอยน์คือสัญญาณว่าโลกการเงินกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ การนำบล็อกเชนเข้ามาช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดต้นทุนอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคต และอาจกระตุ้นให้สถาบันการเงินอื่นๆ เดินตามรอยแนวคิดนี้ในไม่ช้า
ความคิดเห็น 0