ใกล้ถึงการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ว่าด้วยนโยบายการเงิน บิตคอยน์(BTC) ยังคงเดินหน้าในทิศทางบวก โดยสามารถฝ่า ‘แนวต้านสำคัญ’ ขึ้นมาได้สำเร็จ ขณะนี้ราคาปรับตัวทรงตัวอยู่บริเวณ 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ขัดแย้งกันระหว่าง ‘การพักฐานระยะสั้น’ และ ‘การท้าทายจุดสูงสุดใหม่’
เทรดเดอร์จำนวนมากกำลังจับตาโซน 111,000–113,000 ดอลลาร์ (ราว 1.54–1.57 ล้านบาท) ว่าเป็น *แนวรับระยะสั้น* โดยระดับราคานี้เคยเป็นแนวต้านก่อนหน้านี้ แต่หลังจากการปรับขึ้นของราคากลับกลายมาเป็นแนวรับ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังอย่าง มิชาเอล ฟาน เดอ ปอป(Michaël van de Poppe) ที่ระบุว่า “ระดับ 112,000 ดอลลาร์คือจุดเปลี่ยน” พร้อมสะท้อนมุมมองในเชิงบวกต่อทิศทางตลาดปัจจุบัน
หากบิตคอยน์สามารถทะลุผ่านแนวต้านถัดไปที่ 119,500–120,000 ดอลลาร์ (ราว 1.66–1.68 ล้านบาท) ก็อาจเปิดทางไปสู่การทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 124,100 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.72 ล้านบาท) ได้อีกครั้ง หลายฝ่ายคาดว่า หากบิตคอยน์สามารถกลับมายืนเหนือ 118,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.64 ล้านบาท) ได้ในช่วงสัปดาห์นี้ ก็มีโอกาสสูงที่ราคาจะทำ ‘จุดสูงสุดใหม่’ ภายใน 1–2 สัปดาห์
ในเชิงเทคนิค บิตคอยน์ยังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 สัปดาห์ สะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังชัดเจน สำหรับตลาดฟิวเจอร์ส CME ก็เริ่มพบ ‘ช่องว่างของราคาระยะสั้น’ ระหว่าง 111,800–113,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55–1.58 ล้านบาท) ซึ่งอาจกลายเป็นภัยคุกคามจากการพักฐานในระยะสั้น ช่องว่างดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีแรงซื้อเข้ามามากช่วงสุดสัปดาห์ ภายหลังจากมีสัญญาณเชิงบวกจากความคืบหน้าในเจรค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ด้านข้อมูล ‘ออนเชน’ ก็สอดคล้องกัน โดย CryptoQuant รายงานว่า บิตคอยน์กว่า 7 ล้านเหรียญ ซึ่งได้มาในช่วง 6 เดือนหลังสุดและอยู่ในกระเป๋าของผู้ถือครองรายใหม่ ตอนนี้กลับเข้าสู่ ‘โซนกำไร’ อีกครั้ง ซึ่งรวมถึง 5.1 ล้าน BTC ที่ซื้อมาในช่วงครึ่งปี และอีก 1.8 ล้าน BTC จากกระเป๋าใหม่ การที่เหรียญเหล่านี้กลับไปอยู่ในภาวะกำไร บ่งชี้ว่าอาจไม่มีแรงขายในระยะสั้น และแนวโน้มเก็บสะสมในระยะยาวกลับมาแข็งแรง
สิ่งที่น่าจับตามองคือ การเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ในพอร์ตของผู้ถือยาว โดยตั้งแต่ต้นปี ได้มี BTC จำนวน 270,000 เหรียญจากกระเป๋าที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมา 7 ปีขึ้นไปเริ่มมีการย้ายเหรียญแล้ว ตัวเลขนี้มากกว่าทั้งปี 2023 ที่มีเพียง 255,000 BTC และสูงกว่าถึง 4 เท่าจากปี 2022 ที่มีเพียง 59,000 BTC เท่านั้น
ขณะที่ตลาดกำลังรอผลประกาศจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) นักลงทุนต่างก็ ‘เปิดตำแหน่ง’ อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะต่อข้อบ่งชี้ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหรือไม่ รวมถึงการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงต่อไป ความผันผวนที่พุ่งสูงอาจตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้จากปัจจัยมหภาคเหล่านี้
*ความคิดเห็น*: หลายฝ่ายมองว่า นโยบายการเงินและกระแสสภาพคล่อง จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อสำคัญต่อบิตคอยน์ โดยหลักฐานที่ชัดเจนล่าสุด คือการที่ แถลงการณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ สร้างแรงดันให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมกับขับเคลื่อนกระแสราคาขาขึ้นในระยะสั้น
เมื่อมองภาพรวมแล้ว บิตคอยน์จึงยังอยู่ในจุด ‘เลือกทิศทาง’ ระหว่างการพักฐานเล็ก ๆ และการพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่นักลงทุนระยะยาวยังคงมีแนวโน้มคงการถือครองต่อไป ด้านระยะสั้น จุดจับตาคือการทดสอบแนวรับสำคัญและปฏิกิริยาตลาดหลังการประชุม FOMC ที่กำลังจะมีขึ้น
ความคิดเห็น 0