กระแสข่าวการแฮ็กครั้งใหญ่ของ ‘ไบบิต(Bybit)’ ยังคงเป็นประเด็นร้อนในวงการคริปโต ล่าสุดมีรายงานว่าแฮ็กเกอร์ได้ทำการ ‘ฟอกเงิน’ ไปแล้วกว่า 335 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 4.82 หมื่นล้านบาท) จากมูลค่าการแฮ็กทั้งหมด 1.4 พันล้านดอลลาร์(ประมาณ 2.01 แสนล้านบาท) ขณะที่ยังมีเงินอีก 900 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 1.29 แสนล้านบาท) อยู่ในกระเป๋าของแฮ็กเกอร์ ซึ่งมีโอกาสถูกถ่ายโอนเพิ่มเติม
ตามรายงานจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบล็อกเชน พบว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แฮ็กเกอร์ได้ส่งต่อ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ จำนวน 45,900 เหรียญ คิดเป็นมูลค่ากว่า 113 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 1.63 หมื่นล้านบาท) ทำให้ยอดรวมที่ถูกถ่ายโอนจนถึงขณะนี้อยู่ที่ 135,000 ETH หรือประมาณ 335 ล้านดอลลาร์ ‘EmberCN’ นักวิเคราะห์บล็อกเชน ระบุว่า หากแฮ็กเกอร์ยังคงใช้วิธีการฟอกเงินในอัตราเดียวกัน พวกเขาอาจฟอกเงินทั้งหมดเสร็จสิ้นภายใน 8-10 วัน
เบื้องหลังการแฮ็กครั้งนี้ ‘กลุ่มแฮ็กเกอร์ลาซารัส (Lazarus Group)’ จากเกาหลีเหนือถูกชี้ว่าเป็นผู้ลงมือ ด้านบริษัทความปลอดภัยบล็อกเชน ‘อาร์คัม อินเทลลิเจนซ์(Arkham Intelligence)’ รายงานว่า ตรวจพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกลุ่มนี้เข้ากับเหตุการณ์ดังกล่าว เบน เจา(Ben Zhou) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของไบบิต ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 ประกาศ "สงคราม" กับกลุ่มลาซารัส และให้คำมั่นว่าจะตอบโต้พวกเขาอย่างจริงจัง
ในขณะเดียวกัน บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ‘เอลลิปติก(Elliptic)’ ได้ติดตามและเปิดเผยที่อยู่กระเป๋าเงินมากถึง 11,084 รายการที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ พร้อมระบุว่าอาจมีที่อยู่เชื่อมโยงเพิ่มเติมอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ
ไบบิตได้ดำเนินมาตรการกู้คืนความเชื่อมั่นผู้ใช้โดยเร่งด่วน ปัจจุบัน การถอนเงินกลับมาเป็นปกติ และทางแพลตฟอร์มได้ดำเนินการ ‘ชดเชย’ ความเสียหายจากการแฮ็กทั้งหมด 1.4 พันล้านดอลลาร์แล้ว นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมมองว่า การตอบสนองอย่างรวดเร็วของไบบิต อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแบบรวมศูนย์ (CEX)
อย่างไรก็ตาม การแฮ็กครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดของปี และคิดเป็น ‘กว่าครึ่ง’ ของยอดความเสียหายจากการแฮ็กในอุตสาหกรรมคริปโตที่แตะ 2.3 พันล้านดอลลาร์(ประมาณ 3.31 แสนล้านบาท) ในปีนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อทั้งอุตสาหกรรม และคาดว่าจะเป็นแรงผลักดันให้มีมาตรการเสริมความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0