พายคอยน์(PI) กำลังได้รับความสนใจอีกครั้งในตลาด หลังจากกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่นตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยราคาที่เคยร่วงลงไปแตะระดับ 0.172 ดอลลาร์ (ประมาณ 229 บาท) ได้พุ่งขึ้นมาแตะจุดสูงสุดที่ 0.29 ดอลลาร์ (ประมาณ 387 บาท) ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน ก่อนจะมาปรับตัวอยู่ในช่วงประมาณ 0.25 ดอลลาร์ (ราว 333 บาท) ในช่วงปลายเดือนตุลาคม การฟื้นตัวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ๆ และการเพิ่มฟีเจอร์ด้าน ‘ปัญญาประดิษฐ์(AI)’ ภายในระบบนิเวศของโครงการ
เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน บรรดานักลงทุนต่างจับตามองว่า พายคอยน์จะสร้างแรงส่งต่อเนื่องและปรับตัวสูงขึ้นได้อีกหรือไม่ เพื่อไขข้อสงสัยนี้ แชตจีพีที(ChatGPT) ได้แบ่งแนวโน้มอนาคตของพายคอยน์ออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ แนวโน้ม ‘ทรงตัว’, ‘ขาขึ้น’ และ ‘ขาลง’
แชตจีพีทีชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาพุ่งขึ้นในช่วงปลายตุลาคม คือ การเปิดตัวบริการ AI และการกลับมากิจกรรมของชุมชน รวมถึงปริมาณการซื้อขายที่เน้นผ่านตลาดนอกกระดาน (OTC) โดยในแนวโน้ม ‘ทรงตัว’ ซึ่งถือว่าเป็น ‘ฐานแนวโน้ม’ ที่มีความน่าจะเป็นสูงสุดที่ 60% คาดการณ์ว่าพายคอยน์จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 0.24-0.34 ดอลลาร์ (ประมาณ 320-454 บาท) ซึ่งระดับราคาดังกล่าว ‘มีแนวโน้มกลายเป็นแนวรับ’ ในระยะสั้น ข้อจำกัดสำคัญคือ ‘สภาพคล่องในตลาดที่ยังคงน้อย’
ในทางกลับกัน แนวโน้ม ‘ขาขึ้น’ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ราว 25% จะต้องอาศัยปัจจัยเชิงบวกที่ชัดเจน เช่น การนำพายคอยน์เข้าไปจดทะเบียนในตลาดซื้อขายเหรียญ หรือการพัฒนาฟีเจอร์ภายในระบบนิเวศที่จับต้องได้ หากเกิดขึ้นจริง ราคาอาจทะลุระดับ 0.35-0.40 ดอลลาร์ (ราว 467-534 บาท)
ขณะที่แนวโน้ม ‘ขาลง’ มีโอกาสเกิดขึ้นราว 15% หากความสนใจของตลาดจางหายลง และไม่มีพัฒนาการชัดเจนก่อนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ราคาพายคอยน์อาจลดต่ำกว่าระดับ 0.20 ดอลลาร์ (ประมาณ 267 บาท) และย้อนกลับไปทดสอบระดับต่ำสุดอีกครั้ง
แชตจีพีทียังระบุปัจจัยที่อาจมีผลต่อทิศทางของพายคอยน์ในอนาคต โดยส่งสัญญาณว่า ‘แอปพลิเคชันใหม่ที่พัฒนาบนเครือข่ายพาย การผนวก AI เข้ากับระบบ และการขยายตลาดซื้อขาย’ มีแนวโน้มที่จะเป็น ‘ตัวเร่งราคาที่สำคัญ’ ขณะเดียวกัน หากตลาดโดยรวม — โดยเฉพาะบิตคอยน์(BTC) และอัลท์คอยน์ — กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นอีกแรงหนุนให้พายคอยน์ปรับตัวตามไปด้วย
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่น่าจับตาคือ ‘การปลดล็อกโทเคน’ โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ ไพสแกน(PiScan) แสดงว่า ในปัจจุบัน มีโทเคนพายคอยน์ราว 4.16 ล้านเหรียญถูกปล่อยเข้าสู่ตลาดต่อวัน ซึ่งถือว่าลดลงจากระดับเฉลี่ย 8-9 ล้านเหรียญต่อวันในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ปริมาณที่ลดลงนี้อาจช่วยลดแรงกดดันในการขาย และมีส่วนช่วยในการรักษาเสถียรภาพของราคา
แม้ว่าพายเน็ตเวิร์ก(Pi Network) ยังอยู่ในช่วงเบต้าและต้องข้ามผ่านอีกหลายอุปสรรคก่อนเปิดตัวเมนเน็ตเต็มรูปแบบ แต่ด้วยพัฒนาการล่าสุดของเทคโนโลยี เสียงตอบรับจากตลาด และการวิเคราะห์จาก AI ล้วนบ่งชี้ถึง ‘แนวโน้มการฟื้นตัวของศักยภาพ’ ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น เดือนพฤศจิกายนจึงอาจกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ที่กำหนดอนาคตของพายคอยน์
ความคิดเห็น 0