ตลาดบิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับแรงขายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานระยะสั้นอีกครั้ง ตามรายงานจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลคริปโตอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) พบว่าการไหลเข้าของบิตคอยน์ใน 10 กระดานเทรดชั้นนำสูงเกิน 5,000 BTC ถึงสามครั้งภายในวันเดียว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบรรดานักลงทุนสถาบันและผู้ถือครองรายใหญ่กำลังเตรียมเทขายจำนวนมาก
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่าสุดลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบแปดเดือน ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และนโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด และอาจเพิ่มภาษีสินค้าจากจีนมากถึง 60% ทำให้ต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าบริโภคสูงขึ้น และสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ในช่วงที่ผ่านมา บิตคอยน์ร่วงลงแตะระดับ 86,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.25 ล้านบาท) สะท้อนถึงความผันผวนของตลาด QCP แคปิตอล(QCP Capital) วิเคราะห์ว่าการชะลอตัวของราคาขณะนี้อาจลดทอนความต้องการลงทุนจากสถาบัน ขณะที่อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิตเม็กซ์(BitMEX) เปิดเผยว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์จำนวนมากกำลังเข้าซื้อหุ้นของกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของแบล็คร็อก(BlackRock) พร้อมกันนั้นก็เปิดสถานะขายล่วงหน้าบิตคอยน์ในตลาดสัญญาฟิวเจอร์สของตลาดอนุพันธ์ชิคาโก้(CME) โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม หากราคาบิตคอยน์ลดลงจนทำให้ส่วนต่างราคาสัญญาฟิวเจอร์สและตลาดสปอตแคบลง กองทุนเหล่านี้อาจต้องขาย IBIT และปิดสถานะขายล่วงหน้าของพวกเขา เฮย์สเตือนว่าบิตคอยน์อาจกลับไปทดสอบระดับ 70,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของความผันผวนในตลาด นักลงทุนยังคงจับตาดูว่าคลื่นแรงขายนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่ในช่วงต่อไป
ความคิดเห็น 0