ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงจุดยืน ‘หนุนคริปโตอย่างเต็มที่’ ส่งแรงสะเทือนไปทั่ววงการ แต่ในขณะเดียวกัน ปีเตอร์ ชิฟฟ์ นักลงทุนสายทองคำชื่อดังและนักวิจารณ์บิตคอยน์(BTC) ตัวยง ก็ออกมาตอบโต้ด้วยท่าทีแข็งกร้าว โดยกล่าวหาว่าบิตคอยน์เป็นเพียง ‘แชร์ลูกโซ่’ พร้อมวิจารณ์ว่าสหรัฐกำลังเดินไปในทางที่ผิด ด้วยการละทิ้งอุตสาหกรรมจริง แล้วหันไปพึ่งพาการเก็งกำไรแบบขาดเสถียรภาพ
ชิฟฟ์โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อเร็วๆ นี้ พุ่งเป้าวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างตรงไปตรงมา โดยระบุว่า “ในขณะที่จีนมุ่งเป้าเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมจริง สหรัฐกลับกลายเป็นแชมป์ในเรื่อง ‘แชร์ลูกโซ่’” ความคิดเห็นนี้มีขึ้นหลังจากทรัมป์ออกมาประกาศสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตเต็มตัว และตั้งเป้าจะทำให้อเมริกาเป็น ‘ศูนย์กลางคริปโตโลก’ โดยพยายามเร่งบุกแซงหน้าคู่แข่งหลักอย่างจีน
แต่สำหรับชิฟฟ์แล้ว กลยุทธ์ของทรัมป์แทบไม่ต่างจากการพาชาติเดินผิดทาง เขายกตัวอย่างการที่บริษัทมีแนวโน้มเข้าถือครองบิตคอยน์ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญเริ่มนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าพอร์ต เป็นเพียงการ ‘วางแชร์ลูกโซ่ไว้บนพีระมิด’ และยังเผยว่าเขาพร้อมเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะกับไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานบริษัทสแตรทีจี(Strategy) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันทฤษฎี ‘บิตคอยน์คือเงินแห่งอนาคต’
ชิฟฟ์ยังวิจารณ์แนวโน้มราคาบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่าผู้ลงทุนไม่ยอมรับความจริง และเปรียบเปรยว่า “ถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนบิตคอยน์จะได้กลิ่นทิวลิปและตื่นเสียที” โดยขณะรายงาน ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ประมาณ 104,000 ดอลลาร์ (ราว 10.4 ล้านบาท) ลดลงมากกว่า 8% ภายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในอีกด้าน ผู้สนับสนุนบิตคอยน์ได้ออกมาตอบโต้ความเห็นของชิฟฟ์ โดยชี้ว่าเขาเพียงแค่เลือกทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนหนึ่งเช่นกัน และกล่าวว่าเขาทำนายวิกฤตบิตคอยน์ผิดมาแล้วถึง 237 ครั้งตั้งแต่ปี 2011 ขณะที่ราคาบิตคอยน์ได้พุ่งขึ้นกว่า 1,000,000% ในช่วงเวลาดังกล่าว
แม้เสียงคัดค้านจะดังขึ้น ชิฟฟ์ยังยึดมั่นในจุดยืนว่า บิตคอยน์ยังอยู่ใน ‘ตลาดหมี’ และไม่อาจถือว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ ได้ เพราะยังขาดทั้งมูลค่าโดยธรรมชาติและเสถียรภาพที่ทองคำมีมาในประวัติศาสตร์ เขาเชื่อว่าคริปโตเป็นเพียงเครื่องมือเก็งกำไรที่มีความผันผวนเกินรับได้
อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าอย่างชัดเจนของทรัมป์ในประเด็นคริปโต อาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางนโยบายของสหรัฐในอนาคต ทว่าในสภาพที่ความคิดเห็นยังแตกแยกเช่นนี้ คงต้องจับตาว่าการดำเนินนโยบายคริปโตจะถูกขับเคลื่อนไปทางใดต่อไป
ความคิดเห็น 0