แพลตฟอร์มสตรีมไฟแนนซ์(Stream Finance) ถูกแฮ็กด้วยมูลค่าความเสียหายสูงถึง 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,240 ล้านบาท สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ชุมชนผู้ถือริปเปิล(XRP) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดเผยว่าแพลตฟอร์มภายนอกชื่อว่า ‘มิดาส(Midas)’ ซึ่งเป็นผู้ออกผลิตภัณฑ์การเงินชื่อว่า mXRP บนระบบ XRP เลเจอร์ มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา สตรีมไฟแนนซ์ประกาศระงับการฝากและถอนทุกประเภท หลังจากถูกแฮ็กผ่านช่องทางที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจัดการทรัพย์สินภายนอก โดยประเมินความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 93 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ทางบริษัทได้ว่าจ้างสำนักงานกฎหมายเพอร์กินส์ คอย(Perkins Coie) สหรัฐฯ เพื่อเข้ามาสืบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์
‘ต้นตอ’ ที่ก่อให้เกิดปัญหาคือ เหรียญสเตเบิลคอยน์ภายในแพลตฟอร์มของสตรีมไฟแนนซ์ที่ชื่อว่า xUSD เกิดการพังทลายของราคาจากแรงขายจำนวนมาก โดยบริษัทด้านความมั่นคงไซเบอร์เพกชิลด์(PeckShield) รายงานว่า ราคาของ xUSD เคยร่วงลงต่ำสุดที่ 0.30 ดอลลาร์ และแม้จะมีการฟื้นตัวกลับมาบางส่วน แต่ยังคงอยู่ที่ระดับต่ำราว 0.37 ดอลลาร์
ชุมชนริปเปิลเริ่มจับตามองมิดาสอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแพลตฟอร์มดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับสตรีมไฟแนนซ์ผ่านผลิตภัณฑ์ ‘คลังสินทรัพย์ mHYPER’ ที่ถือครอง xUSD เอาไว้ มิดาสเป็นแพลตฟอร์มที่ดำเนินการภายใต้ข้อบังคับ MiCA ของเยอรมนีและให้บริการผลิตภัณฑ์สร้างผลตอบแทนบน XRP อย่าง mXRP
แม้มิดาสจะออกแถลงการณ์ยืนยันว่า “ระบบยังคงทำงานปกติ และไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุแฮ็ก” แต่ผู้ใช้บางส่วนยังคงไม่มั่นใจ และเริ่มทำการถอนเงินออกจากระบบโดยสมัครใจ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความเสี่ยง ‘เรียกคืนสินทรัพย์ย้อนหลัง’ ที่อาจเกิดขึ้น ด้าน Vet_X0 สมาชิกในช่องทาง XRP เลเจอร์ เปิดเผยว่า “xUSD ที่มิดาสถือครองเป็นทรัพย์สินก่อนเกิดเหตุ และสามารถขายคืนได้ตามปกติในขณะนี้”
ข้อมูลจากแดชบอร์ดของ mXRP ระบุว่ายอดทรัพย์สินที่ถูกฝากไว้รวมกันตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 25.55 ล้านดอลลาร์ หรือราว 341 ล้านบาท พร้อมผลตอบแทนรายปี (APY) ที่ 10% อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในชุมชนได้เปลี่ยนไปในเชิงระมัดระวัง และบนแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างทวิตเตอร์มีข้อความเตือน “ตอนนี้ควรถอนดีที่สุด” กระจายอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อแพลตฟอร์มในระบบ XRP เริ่มขยายตัวเข้าสู่โลกการเงินแบบโทเคนและดิไฟมากขึ้น ความเสี่ยงใหม่ๆ ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามมา โดยเฉพาะการเชื่อมโยงสินทรัพย์ข้ามแพลตฟอร์มและโครงสร้างรายได้ซับซ้อน อาจกลายเป็นจุดอ่อนเมื่อเกิดภาวะวิกฤต ความคิดเห็นจากหลายฝ่ายระบุว่า การบริหารความเสี่ยงและความโปร่งใสจึงเป็นสิ่งที่ ‘จำเป็น’ สำหรับการพัฒนาระบบการเงินใหม่ในอนาคต
ความคิดเห็น 0