บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญด่านทดสอบสำคัญในช่วงที่ราคาพยายามฟื้นตัว หลังจากทะลุแนวต้านที่ 104,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,040,000 บาท) ราคาได้อ่อนตัวกลับลงมาที่ระดับ 103,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,030,000 บาท) แม้จะเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบรายวัน แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาได้ลดลงถึง 6.7% และอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้เมื่อเดือนตุลาคมถึง 17%
ข้อมูลจาก ‘มาร์ทุน’ (JA Maartunn) นักวิเคราะห์คริปโตระบุว่า บิตคอยน์ได้เข้าสู่ช่วง ‘กลางของตลาดกระทิง’ หรือ mid-bull phase ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ถือครองระยะยาวเริ่มบางส่วนทยอยขายทำกำไร หลังจากที่สะสมเหรียญมาเป็นเวลาหลายเดือน โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีเหรียญกว่า 363,000 BTC ที่ย้ายออกจากกระเป๋าของนักลงทุนระยะยาวไปยังผู้ถือครองระยะสั้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่ากำลังมีการขายทำกำไร
ถึงแม้นักลงทุนระยะยาวยังถือครองบิตคอยน์กว่า 14.62 ล้าน BTC หรือราว 73.6% ของจำนวนบิตคอยน์ทั้งหมดในตลาด แต่มีเหรียญบางส่วนที่เคยอยู่ในสถานะ ‘พักนิ่ง’ กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เช่น กว่า 1.17 ล้าน BTC ที่อยู่ในกระเป๋ามาแล้ว 3-5 ปีได้ถูกขยับ รวมถึงเหรียญในกระเป๋าที่ไม่มีความเคลื่อนไหวมากว่า 7 ถึง 10 ปีก็เริ่มกลับมากระจายตัว
มาร์ทุนยังเน้นถึงตัวชี้วัด ‘Coin Days Destroyed’ ที่มีค่าพุ่งถึง 17.48 ล้านวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ถือครองระยะยาวกำลังเริ่มเคลื่อนไหวเหรียญมากขึ้น รวมถึงอาจมีแนวโน้มที่จะขายทำกำไรในจำนวนเพิ่มขึ้น
ด้วยแรงกดดันนี้ ‘ผู้ถือครองระยะสั้น’ กลายเป็นหัวใจสำคัญของตลาด หากพวกเขาสามารถรับมือกับแรงขายและปริมาณความผันผวนได้ ก็อาจช่วยให้ราคาบิตคอยน์กลับไปฟื้นตัวได้ แต่หากไม่สามารถต้านทานแรงสั่นไหวได้ ก็อาจนำไปสู่แนวโน้มขาลงต่อ
ดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear & Greed Index) ขณะนี้ชี้ไปที่ระดับ ‘ความกลัวขั้นสุด’ ซึ่งตามปกติแล้วถือเป็นสัญญาณของการสะสมในจุดต่ำและโอกาสในการเข้าซื้อ นอกจากนี้ ปริมาณบิตคอยน์ที่เหลืออยู่ในกระดานซื้อขายยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ 2.38 ล้าน BTC สะท้อนถึงแรงขายใหม่ที่ยังถูกจำกัด
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมองว่าช่วงราคา 100,000 ถึง 104,000 ดอลลาร์ เป็นเขตแนวรับที่แข็งแกร่งจากพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาที่ผ่านมา โดยผู้เชี่ยวชาญอย่าง มิคาเอล ฟาน เดอ ป็อป(Michaël van de Poppe) เชื่อว่า หากบิตคอยน์สามารถทะลุ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,120,000 บาท) ได้ก็อาจยืนยันการกลับเข้าสู่โครงสร้างตลาดกระทิงอย่างชัดเจน
แม้ราคาในระยะนี้จะยังมีความผันผวนสูง แต่การต่อสู้ระหว่างผู้ถือระยะยาวและระยะสั้นกำลังเป็นปัจจัยชี้ชะตาทิศทางของตลาด โดยตลาดกำลังจับตาดูว่าผู้ถือระยะสั้นจะตัดสินใจอย่างไรในช่วงสำคัญนี้
ความคิดเห็น 0