แคธี วูด(Cathie Wood) ซีอีโอของอาร์กอินเวสต์ และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) รายใหญ่ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาของบิตคอยน์ในปี 2030 เหลือ 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 16 ล้านบาท) จากเดิมที่ประเมินไว้สูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 20 ล้านบาท) ซึ่งลดลงประมาณ 12% หรือ 300,000 ดอลลาร์ รายงานจากสื่อในต่างประเทศชี้ว่า การปรับคาดการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึง ‘การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดสเตเบิลคอยน์’ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
วูดระบุว่า เธอเคยเชื่อว่าบิตคอยน์จะกลายเป็นระบบชำระเงินระดับโลก และ “ทองคำดิจิทัล” แต่กลับพบว่าบทบาทดังกล่าวกำลังถูกแทนที่โดย *สเตเบิลคอยน์* ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินที่มั่นคง เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ “โดยเฉพาะในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เราเห็นการใช้งานที่รวดเร็วของสเตเบิลคอยน์” วูดกล่าว พร้อมชี้ว่าผู้ใช้งานเริ่มมองหาวิธีเก็บมูลค่าที่ ‘มั่นคงกว่า’ แทนที่จะพึ่งบิตคอยน์ซึ่งมีความผันผวนสูง
ในขณะที่ *บิตคอยน์* ยังคงถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว *สเตเบิลคอยน์* กลับตอบโจทย์ในการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินเดือน ซื้อสินค้าจำเป็น หรือหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อ ล่าสุด *ริปเปิล(XRP)* ได้เปิดตัว RLUSD ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ของตัวเอง และสามารถออกเหรียญได้มากกว่า 1 พันล้านหน่วย กลายเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนของระบบนิเวศริปเปิล
แม้จะมีการปรับลดตัวเลขเป้าหมาย *แคธี วูด* ยังมั่นใจในศักยภาพระยะยาวของบิตคอยน์ โดยให้เหตุผลว่า เมื่อกฎระเบียบด้านคริปโตมีความชัดเจนมากขึ้น และมีการเข้ามาของนักลงทุนสถาบัน จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์หลัก เธอยังกล่าวย้ำว่า “บิตคอยน์ดีกว่าอีเธอเรียม(ETH)” ซึ่งเป็นมุมมองที่เธอยึดมั่นมาตลอดตั้งแต่เริ่มลงทุนใน BTC ตั้งแต่ปี 2015
*ความคิดเห็น:* การอัปเดตคาดการณ์ของวูดไม่ได้เป็นการมองลบต่ออนาคตของบิตคอยน์ แต่เป็นการสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดคริปโต ที่กำลังเข้าสู่ยุคที่แต่ละสินทรัพย์เริ่มมีบทบาทชัดเจนมากขึ้น โดยบิตคอยน์อยู่ในฐานะ “ทองคำดิจิทัล” ที่ไว้ใช้เก็บมูลค่า ส่วนสเตเบิลคอยน์ทำหน้าที่เป็น “เงินสดดิจิทัล” ที่ใช้ในการทำธุรกรรมประจำวัน นักลงทุนอาจต้องปรับมุมมอง เพื่อเข้าใจการเคลื่อนไหวในอนาคตของทั้งสองกลุ่มนี้ให้ดียิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0