บิตคอยน์(BTC) เพิ่งทะลุระดับราคา 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้านบาท ส่งผลให้กลายเป็นเป้าการวิจารณ์จากนักวิเคราะห์สายขาลงอย่าง *ปีเตอร์ ชิฟ(Peter Schiff)* อีกครั้ง โดยเขาออกมาเตือนนักลงทุนว่าขณะนี้บิตคอยน์ ‘มีมูลค่าสูงเกินจริง’ แทนที่จะมองว่าเป็นช่วงเวลาเข้าซื้อ พร้อมเรียกร้องให้ผู้ถือรีบเทขาย
ชิฟ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนการลงทุนในทองคำ โพสต์ผ่าน X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า บิตคอยน์ไม่มีมูลค่าที่แท้จริงใด ๆ และราคาปัจจุบัน ‘ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงเลย’ เขาชี้ว่าบิตคอยน์ไม่ได้สร้างผลตอบแทน และไม่ถูกหนุนด้วยสินทรัพย์จริง จึงถือเป็นเพียงผลจาก ‘กระแสเก็งกำไร’ เท่านั้น
เขายังเสริมว่า “ตอนนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้าย” ในการขายบิตคอยน์ในราคาที่มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ เพื่อเปลี่ยนไปถือสินทรัพย์จริง เช่น *ทองคำ* หรือ *อสังหาริมทรัพย์* ที่มีราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกัน พร้อมเตือนว่าโอกาสเช่นนี้จะหายไปในไม่ช้า
คำพูดของชิฟจุดกระแสตอบโต้จากชุมชนคริปโตทันที โดยผู้ใช้บางรายแซวว่า “ทุกครั้งที่ชิฟโพสต์ทำนองนี้ ราคาบิตคอยน์กลับดีดขึ้น” ขณะที่ผู้สนับสนุนรายหนึ่งชี้ว่า บิตคอยน์ไม่ได้ถูกมองว่าสูงเกินจริง แต่เป็น ‘สินทรัพย์ที่ถือครองต่ำ’ โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า จำนวนเหรียญที่สามารถขุดได้เหลือเพียง 2.3 ล้านเหรียญ และมีเพียง 1.5 ล้านเหรียญเท่านั้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดซื้อขาย
อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับราคาบิตคอยน์ไม่ได้มีเพียงชิฟเท่านั้น *DonAlt* เทรดเดอร์ชื่อดัง ระบุว่า ยังเร็วเกินไปจะเรียกว่าตลาดทำจุดต่ำสุดแล้ว เว้นแต่ราคาจะสามารถกลับไปยืนเหนือ 110,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง โดยเขาชี้ว่า หากราคาร่วงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ บริษัทที่ถือบิตคอยน์อย่าง *สเตรทีจี้ (Strategy)* อาจขาดทุนถึง 55%
ขณะเดียวกัน บล랙ร็อก บริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ ได้ปรับพอร์ตการลงทุนโดยขายบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) บางส่วนออก ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการจัดสมดุลความเสี่ยง สำหรับราคาบิตคอยน์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาลดลง 2.5% มาอยู่ที่ประมาณ 100,359 ดอลลาร์ ขณะที่ปริมาณซื้อขายกลับพุ่งขึ้น 32.24% แตะระดับ 78,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 78 ล้านล้านวอน สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงของตลาด
แม้ยังไม่อาจฟันธงได้ว่าตลาดบิตคอยน์เข้าสู่ ‘จุดฟองสบู่’ ตามคำเตือนของชิฟ ความเห็นในตลาดยังคงแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ระหว่างแนวคิดขาขึ้นและขาลง ซึ่งทิศทางราคาที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อาจเป็นตัวตัดสินว่านักลงทุนจะไว้ใจคำทำนายฝั่งใดมากกว่ากัน
ความคิดเห็น 0