บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง โดยร่วงลงต่ำกว่าระดับ 102,000 ดอลลาร์อีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงถึงแรงกดดันในการปรับฐานที่ยังไม่คลี่คลาย ในขณะที่เหรียญเน้นความเป็นส่วนตัวอย่างโมเนโร(XMR) และแซดแคช(ZEC) กลับพุ่งขึ้นในอัตราสองหลัก สะท้อนถึงทิศทางตลาดที่สวนทางกันอย่างชัดเจน
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์พยายามทะลุแนวต้านที่ 104,000 ดอลลาร์สองครั้งแต่ไม่สำเร็จ โดยในวันจันทร์ถูกแรงขายสูงหน่วงดันราคาตกจากระดับ 111,000 ดอลลาร์อย่างรวดเร็ว ขณะที่วันอังคาร ราคาดิ่งลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากนั้นแม้จะมีความพยายามที่จะฟื้นตัว แต่แรงซื้อไม่เพียงพอ ทำให้ยังคงซื้อขายต่ำกว่าระดับ 102,000 ดอลลาร์ คิดเป็นการลดลงประมาณ 8% เมื่อเทียบกับต้นสัปดาห์
แรงเทขายนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะบิตคอยน์เท่านั้น แต่อีเธอเรียม(ETH) ก็หลุดระดับ 3,400 ดอลลาร์ ขณะที่ริปเปิล(XRP) ลดลงต่ำกว่า 2.30 ดอลลาร์ ด้านเหรียญอื่นอย่างโดชคอยน์(DOGE), อาดา(ADA), เชนลิงก์(LINK) และซุย(SUI) ต่างประสบภาวะขาลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางตลาดที่ซบเซา กลับมีเหรียญบางกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้อย่างเด่นชัด โดยเฉพาะกลุ่มเหรียญความเป็นส่วนตัว แซดแคชทะยานขึ้นกว่า 11% ในวันเดียวแตะระดับเกือบ 600 ดอลลาร์ ขณะที่โมเนโรก็พุ่งขึ้นถึง 13% ทะลุ 420 ดอลลาร์ ปรากฏการณ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับความต้องการในความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น หรือมุมมองของนักลงทุนบางส่วนที่มองว่าเหรียญเหล่านี้อาจเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ ในช่วงตลาดผันผวน *ความคิดเห็น*
ในอีกด้านหนึ่ง เหรียญที่เคยพุ่งแรงอย่างอินเทอร์เน็ตคอมพิวเตอร์(ICP) ก็เผชิญแรงขายทำกำไร ทำให้ราคาหล่นลงถึง 12% ภายในวันเดียว ขณะที่เหรียญ TAO ก็ปรับตัวลง 6% สะท้อนสัญญาณของการเข้าสู่ภาวะปรับฐาน
จากภาพรวม มูลค่าตลาดรวมคริปโตเคอร์เรนซีหดตัวลงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 3.51 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์ลดลงต่ำกว่า 58% แสดงให้เห็นว่าความไม่มั่นคงยังคงมีอิทธิพลต่อตลาดในวงกว้าง แม้เหรียญบางตัวจะทำผลงานได้ดี การเคลื่อนไหวของแนวรับและแนวต้านของเหรียญหลักจึงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0