แรงเหวี่ยงจากการพุ่งขึ้นของบิตคอยน์(BTC)เริ่มส่งผลลบต่อ ‘วาฬคริปโต’ บางราย โดยเฉพาะในช่วง 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุการณ์ *ถูกบังคับปิดสัญญา* (forced liquidation) ถึง 12 ครั้งในบัญชีของเทรดเดอร์รายใหญ่รายหนึ่ง และเผยให้เห็นความเสี่ยงของตลาดที่มีการใช้เลเวอเรจที่สูงท่ามกลางความผันผวนรุนแรง
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกรณีนี้คือ เจมส์ วิน(Wynn) เทรดเดอร์สายคริปโตที่ประสบกับการขาดทุนต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อราคาบิตคอยน์ทะลุระดับ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.428 ล้านบาท) เขาเลือกเปิดสถานะ ‘ชอร์ต’ ด้วยคาดการณ์ว่าราคาอาจร่วงลง ซึ่งกลายเป็นการตัดสินใจที่ย้อนศรกับแนวโน้มตลาดอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้สถานะของเขาถูก ‘ล้างพอร์ต’ ถึง 12 ครั้งภายในวันเดียว และหากนับรวมตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เขาโดนบังคับปิดสัญญาไปแล้วกว่า 45 ครั้ง
ที่น่าสนใจคือแม้จะสามารถทำกำไรเล็กน้อยจากบางจังหวะก่อนหน้านี้ได้ วินยังคงเดิมพันด้วยการเพิ่มปริมาณการถือครองในฝั่งขาลงอย่างต่อเนื่อง ความเคลื่อนไหวนี้กลายเป็นตัวเร่งให้เกิดการล้างพอร์ตต่อเนื่องเมื่อราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยจากข้อมูลของตลาดอนุพันธ์พบว่า มูลค่าของสัญญาที่ถูกล้างพอร์ตในกรณีนั้นอยู่ในช่วงหลายแสนดอลลาร์ และเงินคงเหลือในบัญชีของวินลดลงอย่างหนัก เหลือเพียง 6,010 ดอลลาร์ (ราว 801,000 บาท)
กรณีนี้ไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ของรายบุคคล แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศของตลาดโดยรวม หลังจากที่บิตคอยน์ดีดตัวจากแนวรับบริเวณ 101,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.358 ล้านบาท) ส่งผลให้เกิดแรงล้างพอร์ตในวงกว้าง โดยเฉพาะสถานะฝั่งชอร์ตที่โดนกวาดไปอย่างรวดเร็ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวชี้ว่า นักลงทุนที่ยังคงยึดมุมมองขาลงอาจโดนแรงกระแทกตลาดเข้าเต็มๆ
ในเชิงเทคนิค บิตคอยน์สามารถทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญ ซึ่ง *สื่อถึงแนวโน้มการฟื้นตัวระยะสั้น* แต่ในเวลาเดียวกัน ก็กลายเป็นกับดักสำหรับเทรดเดอร์ที่มองตลาดผิดและใช้เลเวอเรจสูง ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่ากรณีนี้เป็นบทเรียนคลาสสิกว่า *"เลเวอเรจคือดาบสองคม"*
ในช่วงที่สภาพคล่องของตลาดคริปโตกำลังถูกบีบคั้น ความผันผวนที่สูงประกอบกับการตีความทิศทางผิดพลาดอาจนำไปสู่การถูกปิดสถานะเพิ่มเติม โดยเฉพาะในฝั่งของผู้ที่ยังฝืนถือสถานะชอร์ต เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเครื่องเตือนใจนักลงทุนถึงความเสี่ยงของตลาดที่ไม่มีความแน่นอน และควบคุมได้ยากอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0