โพลีกอน(Polygon) ย้ำความแข็งแกร่งในฐานะแพลตฟอร์ม Web3 ชั้นนำ หลังจากเมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research) เปิดเผยรายงานล่าสุดประจำไตรมาส 3 ปี 2025 เผยถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในหลายด้าน ทั้งด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi), สเตเบิลคอยน์, การชำระเงินแบบออนเชน และสินทรัพย์จริง (RWA) โดยโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคและเศรษฐกิจก็พัฒนาไปในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นในไตรมาสนี้ คือการที่มูลค่าตลาดหมุนเวียนของโทเคน POL เพิ่มขึ้น 39.2% จากไตรมาสก่อนหน้า สู่ระดับ 2.36 พันล้านดอลลาร์ นำหน้าโทเคนจากแพลตฟอร์ม L2 อื่นอย่าง ARB และ OP โดย POL ขึ้นแท่นครองตำแหน่งใหญ่อันดับสองรองจากอีเธอเรียม(ETH) ทั้งนี้กว่า 99% ของอุปทาน POL ถูกแปลงมาจาก MATIC ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของมูลค่าตลาดโดยรวม
ในภาคของสเตเบิลคอยน์ โพลีกอนโพส(PoS) มีการเติบโตที่ชัดเจน โดยมีอุปทานรวมเพิ่มขึ้น 22.0% แตะ 2.94 พันล้านดอลลาร์ โดย USDT มีการเติบโตสูงถึง 35.4% สู่ระดับ 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสนับสนุนการใช้ในธุรกรรมแบบออนเชนและการโอนเงินแบบบุคคลต่อบุคคล (P2P) การใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับการชำระเงินมากกว่า 50 รายการ มีมูลค่ารวม 1.82 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 49.2% ส่วนธุรกรรม P2P ด้วยสเตเบิลคอยน์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 15.11 พันล้านดอลลาร์ หรือเติบโตถึง 48.5%
ในด้านการชำระเงิน โปรแกรมที่เชื่อมโยงกับมาสเตอร์การ์ดและวีซ่าผ่านบัตรคริปโตที่ใช้สเตเบิลคอยน์แสดงถึงศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลในการเชื่อมต่อกับการใช้งานจริง โดยมีมูลค่าธุรกรรมรวมกว่า 380.8 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันผู้ให้บริการอย่าง Slash, Kolo, Payy และ BlindPay ได้พัฒนาโซลูชันสำหรับการเชื่อมโยงการชำระเงินทั้งออนเชนและออฟเชน และเทเธอร์ก็มีการอัปเกรดเหรียญ USDT เป็นเวอร์ชัน USDT0 บนโพลีกอน เพื่อลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มสภาพคล่อง
กลุ่มของสินทรัพย์จริง (RWA) ก็ไม่แพ้กัน โดยมีความสนใจจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โครงการสำคัญที่เลือกใช้โพลีกอนได้แก่ โทเคนสินค้าเกษตรจาก Justoken, พันธบัตรบล็อกเชนของ NRW.BANK, โทเคนหลักทรัพย์จาก BeToken และที่น่าสนใจคือแพลตฟอร์มการเปิดเผยข้อมูลงบประมาณของรัฐบาลฟิลิปปินส์ รวมมูลค่าทั้งหมดแตะ 1.14 พันล้านดอลลาร์ ดันโพลีกอนขึ้นเป็นอันดับสามของบล็อกเชนสำหรับการโทเคนสินทรัพย์จริง
ส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคนิค ‘กิกาก๊าซ (Gigagas)’ ได้ผลักดันให้โพลีกอนก้าวกระโดดในเรื่องของขีดความสามารถ รองรับธุรกรรมมากกว่า 1,000 รายการต่อวินาที (TPS) จากการอัปเกรด “บิลายฮาร์ดฟอร์ก” (Bhilai Hardfork) ที่ปรับปรุงเรื่องโควต้าก๊าซและบัญชีแบบนามธรรม อีกทั้ง Heimdall v2 ยังลดเวลา Finality จาก 1–2 นาที เหลือประมาณ 5 วินาที ส่วนทดสอบเน็ต Rio ก็ยกระดับความพร้อมของระบบสื่อสารและการตรวจสอบบล็อก สู่เป้าหมายรองรับ 5,000 TPS
ผลสำเร็จด้านเทคนิคเหล่านี้ได้สะท้อนชัดในภาพรวมเศรษฐกิจของเชน โดย GDP ของโพลีกอนเพิ่มขึ้น 22.9% สู่ระดับ 21.9 ล้านดอลลาร์ และอัตราการจับรายได้ของแอปพลิเคชัน (Revenue Capture Rate: RCR) เพิ่มขึ้น 19.5% อยู่ที่ 2,418.5% ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์มสามารถสร้างรายได้จริงนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว *ความคิดเห็น: โครงสร้างรายได้ที่ยั่งยื้อนี้เป็นจุดแข็งสำคัญในตลาด*
ในด้านดีไฟและกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX) มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น โดย TVL (มูลค่าทรัพย์สินที่ล็อก) บนโพลีกอน PoS อยู่ที่ 1.14 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 6.1% แพลตฟอร์มหลักที่มีบทบาทสูง ได้แก่ ควิกสวอป(QuickSwap), โพลีมาร์เก็ต(Polymarket), และเอฟว์(Aave) ขณะเดียวกัน มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณซื้อขายเฉลี่ยรายวันบน DEX ถึง 27.3% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นมูลค่า 158 ล้านดอลลาร์ โดยยูนิสวอปและควิกสวอปถือครองปริมาณส่วนใหญ่
ส่วนตลาด NFT แม้ปริมาณซื้อขายรายวันจะลดลง แต่จำนวนรายการขายกลับเพิ่มขึ้น โดยโปรเจกต์ที่ได้รับความสนใจอย่าง ‘Courtyard’ ซึ่งใช้ธีมจากการ์ดโปเกมอน เป็นผู้นำตลาด สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของ NFT ที่อยู่นอกอีเธอเรียม
เมซซารี รีเสิร์ชสรุปว่า ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้โพลีกอนมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนในฐานะโครงสร้างพื้นฐาน Web3 อย่างแท้จริง ทั้งในด้านการชำระเงิน, สเตเบิลคอยน์, โทเคนสินทรัพย์จริง และดีไฟ เมื่อการอัปเกรด “ริโอ” (Rio) ถูกนำสู่เมนเน็ต และระบบรวมศูนย์การสื่อสาร Agglayer เริ่มใช้งานเต็มรูปแบบ จะยิ่งตอกย้ำสถานะของโพลีกอนในฐานะศูนย์กลางด้านการเงินแห่งอนาคตที่ความเร็วสูง ต้นทุนต่ำ และเอื้อต่อการใช้งานของสถาบันอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0