ตลาดการลงทุนด้านคริปโตในกลุ่มบริษัทร่วมลงทุน(Venture Capital) ยังคงซบเซาต่อเนื่องในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยพบว่าจำนวนโครงการที่สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดก็ยังอยู่ในระดับจำกัด
คาเดน สตาเดลมัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี(CTO) ของแพลตฟอร์มโคโมโด ระบุว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมคริปโตเผชิญ ‘แรงกดดันหลายด้าน’ โดยเฉพาะการที่กระแสการลงทุนกำลังโอนย้ายไปอยู่ในภาคปัญญาประดิษฐ์(AI) ส่งผลให้บรรดานักลงทุนร่วมทุนหันไปให้ความสนใจที่ AI แทนคริปโตเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมี *ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค* ที่ทำให้นักลงทุนสาย VC ระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม
แม้สถานการณ์โดยรวมจะไม่สู้ดี แต่กิจกรรมในระบบนิเวศของ *บิตคอยน์(BTC)* ยังคงทรงตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงการเหล่านี้สามารถดำเนินไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจาก VC แต่เน้นการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ใช้และชุมชนแทน กาบ ซาลินาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) ของ Alamo Labs กล่าวว่า “โครงการที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์สามารถเติบโตผ่านโมเดล *บูตสแตร็ป* ที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชนและเครือข่าย มากกว่าพึ่งทุนจาก VC”
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดคริปโตยังคงไหลเข้าสู่โครงการด้าน *โครงสร้างพื้นฐาน* เช่น สเตเบิลคอยน์, ระบบชำระเงิน และระบบแลกเปลี่ยนแบบไร้ศูนย์กลาง(DEX) ซึ่งเป็นเสาหลักของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยตัวอย่างโครงการที่เพิ่งปิดการระดมทุนสำเร็จ ได้แก่ เทลคอยน์(Telcoin), เฮอร์เคิล(Hercle), โมเมนตัม(Momentum), เทมเพิลดิจิทัลกรุ๊ป(Temple Digital Group) และอาร์ครีเสิร์ช(Ark Research)
กรณีเหล่านี้สะท้อนว่า แม้ตลาดกำลังซบเซา แต่บางภาคส่วนในโลกคริปโตยังคงมี *โอกาสและความหวัง* สำหรับนักลงทุนที่พร้อมจะเสี่ยงและมองหาแนวโน้มระยะยาวอย่างชาญฉลาด
ความคิดเห็น 0