Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บราซิลควบคุมสเตเบิลคอยน์เข้ม จัดเป็นธุรกรรมเงินต่างประเทศ เริ่มบังคับใช้ปี 2026

บราซิลควบคุมสเตเบิลคอยน์เข้ม จัดเป็นธุรกรรมเงินต่างประเทศ เริ่มบังคับใช้ปี 2026 / Tokenpost

ธนาคารกลางบราซิลประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ที่ถือว่าการทำธุรกรรมด้วย ‘สเตเบิลคอยน์’ เป็นการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ พร้อมเตรียมเข้าควบคุมบริษัทที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับเดียวกับธนาคาร ขณะที่คณะกรรมาธิการเกษตรวุฒิสภาสหรัฐ ออกกฎหมายร่างฉบับใหม่ว่าด้วยโครงสร้างอุตสาหกรรมคริปโต ตอกย้ำความเคลื่อนไหวเชิงรุกของภาครัฐทั่วโลกต่อการกำกับดูแลตลาดคริปโตที่กำลังเติบโต

เมื่อวันที่ 10 (เวลาท้องถิ่น) ธนาคารกลางบราซิลได้เผยแพร่รายละเอียดของข้อเสนอทางกฎหมายฉบับใหม่ที่เปิดตัวใบอนุญาตรูปแบบใหม่ในชื่อ ‘ผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (SPSAV)’ สำหรับบริษัทคริปโต กำหนดให้ต้องอยู่ภายใต้กฎการซื้อขายเงินต่างประเทศและข้อกำหนดด้านการป้องกันการฟอกเงินที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสเตเบิลคอยน์ รวมถึงการโอนระหว่างกระเป๋าเก็บสินทรัพย์แบบส่วนตัว จะถูกจัดประเภทว่าเป็น ‘ธุรกรรมเงินตราระหว่างประเทศ’ แม้จะเกิดภายในประเทศก็ตาม

ข้อกำหนดนี้ถูกรวบรวมไว้ใน ‘มติที่ 519, 520 และ 521’ และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2026 โดยมีระยะเวลาเพิ่มเติมอีกสามเดือนสำหรับข้อกำหนดการรายงานธุรกรรมทุนและธุรกรรมข้ามพรมแดนที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 4 พฤษภาคม 2026 การจัดประเภทธุรกรรมในลักษณะนี้จะบังคับให้มีการตรวจสอบแหล่งที่มา จุดหมายปลายทาง และการยืนยันตัวตนของผู้ถือสินทรัพย์เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการเกษตรวุฒิสภาสหรัฐ ได้เผยแพร่ร่างกฎหมายควบคุมโครงสร้างตลาดคริปโต โดยเน้นการแบ่งอำนาจและอาณาเขตขององค์กรกำกับดูแล ได้แก่ คณะกรรมการการซื้อขายสินค้าในอนาคตของสหรัฐ(CFTC) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) สำหรับนักพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือผู้ให้บริการระบบ ร่างกฎหมายยังอยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมาธิการธนาคาร

‘ความเห็น’: กฎหมายฉบับนี้มุ่งสร้างกรอบการควบคุมที่ชัดเจน เพื่อลดความไม่แน่นอนในภาคอุตสาหกรรมคริปโตและเตรียมผนวกสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงินอย่างเป็นทางการในอนาคต

การเคลื่อนไหวของบราซิลและสหรัฐในครั้งนี้สะท้อนความพยายามของประเทศมหาอำนาจในการเสริมสร้าง *ความชัดเจนในการกำกับดูแลคริปโตระดับโลก* โดยบราซิลเดินหน้าเชิงรุกในประเด็นความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและสิทธิของผู้บริโภค ส่วนสหรัฐมุ่งวางรากฐานให้หน่วยงานกำกับดูแลปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพในขอบเขตอำนาจของตน ท่ามกลางความหวังว่า *ความชัดเจนทางกฎหมาย* ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม และกระตุ้นให้เกิดการเติบโตในอนาคตของตลาดคริปโตอย่างยั่งยืน

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

อีโทโร(ETOR) เผยกำไร Q3 โต 48% หนุนราคาหุ้นพุ่ง 7% สะท้อนจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกต่อตลาดคริปโต

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1