เพื่อลดความผันผวนในตลาดคริปโต ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเสนอแนะให้มีการนำ ‘ระบบกำกับดูแล’ แบบเดียวกับตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) มาใช้ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยระบุว่าการขาดโครงสร้างกำกับดูแลที่ชัดเจนส่งผลให้ภาวะตลาดยิ่งเลวร้ายลงในช่วงที่เกิดการเทขาย
อเล็กซ์ ครูเกอร์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ได้แสดงความเห็นผ่าน X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) เมื่อวันที่ 6 ว่า ตลาดคริปโตควรมีโครงสร้าง *‘ผู้ดูแลสภาพคล่อง’ (Market Maker)* แบบเดียวกับตลาดหุ้น เพื่อรับผิดชอบต่อการรักษาสภาพคล่องให้เสถียรในยามวิกฤต เขาเน้นว่าตลาดการเงินแบบดั้งเดิมมีข้อบังคับที่ชัดเจนให้ผู้ดูแลลำดับการซื้อขายต้องเสนอราคาซื้อ-ขายตลอดเวลา แต่ในตลาดคริปโตนั้น ผู้ดูแลตลาดสามารถถอนสภาพคล่องได้ตลอดโดยไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย
ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีการแต่งตั้ง *‘ผู้ดูแลสภาพคล่องที่ได้รับมอบหมาย’* (Designated Market Makers) เพื่อให้เสนอราคาตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับแนสแด็กที่ใช้กฎข้อ 4613 บังคับให้บริษัทต้องเสนอราคาภายในช่วงสเปรดที่กำหนด หากละเมิดก็อาจถูกเพิกถอนสถานะได้ ในทางตรงกันข้าม ตลาดคริปโตกลับไม่มีการกำกับดูแลหรือข้อผูกพันด้านกฎหมายที่ชัดเจนสำหรับผู้ดูแลตลาด
ครูเกอร์ยังเตือนว่า เมื่อราคาคริปโตเริ่มร่วง หากผู้ดูแลตลาดตัดสินใจถอนสภาพคล่องออกจากระบบ ก็จะทำให้ *‘ช่องว่างสภาพคล่อง’* (Liquidity gap) ขยายออกไปอีก ซึ่งยิ่งเร่งให้เกิดการ ‘แพนิคเซล’ และราคาดิ่งลงหนักกว่าเดิม “โครงสร้างตลาดแบบนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ยังจุดประเด็นถกเถียงในวงกว้าง โทนี ผู้ก่อตั้งเฟลิออน แคปิตอล กล่าวว่า แม้ผู้ดูแลตลาดในระบบดั้งเดิมจะมีบทบาทสำคัญในช่วงวิกฤต แต่เขาเห็นว่า *‘ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์’* ซึ่งใช้ชะลอการซื้อขายในยามแนวโน้มราคาพังทลาย ยังไม่มีอยู่ในตลาดคริปโตเลยด้วยซ้ำ เขาแนะนำว่าควรสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงพื้นฐานให้ได้ก่อนที่จะพูดถึงเรื่อง Market Maker
ในประเด็นนี้ ครูเกอร์ตอบโต้ว่า ตลาดซื้อขายคริปโตเองสามารถนำระบบ *‘เบรกเกอร์’* เข้ามาใช้ได้ แต่เลือกไม่ทำโดยอ้างว่าส่งผลให้การซื้อขายไม่มีประสิทธิภาพ
ด้านผู้ใช้งานบางส่วนโต้แย้งว่าการเดินตามตลาดแบบดั้งเดิมนั้นขัดต่อ *‘อุดมการณ์ของคริปโต’* ที่เน้น ‘เสรี’ และ ‘ไร้ตัวกลาง’ โดยระบุว่า ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่การใช้เลเวอเรจสูงเกินไป ซึ่งสร้างความเสียเปรียบให้กับนักลงทุนรายย่อย
ข้อมูลตลาดเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นปัญหาอย่างชัดเจน มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมลดลงไปกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 540 ล้านล้านวอน ภายในช่วงเวลาอันสั้น โดยมีรายงานว่ามีนักเทรดถูกล้างพอร์ตมากกว่า 3 แสนคนต่อวัน สาเหตุสำคัญคือการใช้เลเวอเรจเกินควบคุม
ราคาสินทรัพย์หลักก็ได้รับผลกระทบหนัก บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงกว่า 7% ภายในสัปดาห์เดียว ส่วนอีเธอเรียม(ETH) และริปเปิล(XRP) ร่วงลงมากกว่า 13% และ 10% ตามลำดับ
การถกเถียงนี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่อง ‘จะควบคุมหรือไม่’ แต่กลายเป็นบทสนทนาเรื่องอนาคตของคริปโตโดยรวม ว่า ‘ระบบ’ แบบใดสามารถสร้าง *ความเชื่อมั่น* และรักษา ‘จุดยืนของเสรีภาพ’ ไปพร้อมกับ *เสถียรภาพของระบบการเงิน* ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามใหญ่ที่ตลาดยังต้องหาคำตอบต่อไป
ความคิดเห็น 0