ทรัมป์เสนอชื่อ ‘ไมเคิล เซลิก’ ขึ้นแท่นประธาน CFTC ชี้อาจเปลี่ยนทิศทางกฎกำกับคริปโตสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเสนอชื่อ *ไมเคิล เซลิก* ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐฯ (CFTC) โดยล่าสุดเขาเตรียมขึ้นให้การใน *การพิจารณาโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ* ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 19 (เวลาท้องถิ่น) การเสนอชื่อครั้งนี้ถูกจับตามองว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางใหม่ของการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ

ปัจจุบัน เซลิกดำรงตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษากฎหมายพิเศษด้านคริปโตของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) ซึ่งการที่ผู้บริหารจาก *SEC* ถูกผลักดันให้เป็นผู้นำ *CFTC* ถือเป็นหมากการเมืองสำคัญในขณะที่สภาคองเกรสกำลังถกเถียงเรื่องการออกกฎหมาย *Clarity Act* เพื่อกำหนดเส้นแบ่งอำนาจการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างสองหน่วยงานหลัก

ก่อนหน้านี้ เก้าอี้ประธาน CFTC ว่างลงหลังจาก *ไบรอัน ควินเทนส์* ถูกปลดออก แม้เคยได้รับการเสนอชื่ออีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์โดยทรัมป์ แต่การพิจารณาในเดือนกรกฎาคมกลับถูกเลื่อนอย่างกะทันหัน ท่ามกลางกระแสข่าวว่า *คาเมรอน* และ *ไทเลอร์ วิงเคิลวอส* ผู้ร่วมก่อตั้ง *Gemini* พยายามผลักดันผู้สมัครรายอื่นเข้ามาแทนที่ควินเทนส์

ในภายหลัง ควินเทนส์ออกมาเปิดเผยข้อความส่วนตัวที่สนทนากับวิงเคิลวอสส์ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ “การรับประกันบางอย่าง” ต่อท่าทีของ CFTC ที่พวกเขาคาดหวัง ซึ่งกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งในการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานกำกับดูแล

ปัจจุบัน *แคโรลิน ฟาม* รักษาการประธาน CFTC ดำรงตำแหน่งเพียงลำพังในคณะกรรมาธิการที่ควรมีถึง 5 คน โดยฟามเคยแถลงไว้ว่าจะลงจากตำแหน่งทันทีหากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อผู้ได้รับการแต่งตั้งใหม่ หากเซลิกได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ *CFTC อาจยังคงอยู่ภายใต้การนำของผู้เดียว* ชั่วคราวอีกระยะ

ในเชิงนโยบาย การเสนอชื่อเซลิกเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังจับตาการปฏิรูปโครงสร้างการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเข้มข้น *กฎหมาย Clarity Act* ซึ่งผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนกรกฎาคม กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในคณะกรรมาธิการเกษตรกรรมและการธนาคารของวุฒิสภา ก่อนจะเข้าสู่การลงมติในที่ประชุมใหญ่

*ความคิดเห็น*: หากเซลิก ซึ่งมีท่าทีเป็นมิตรกับอุตสาหกรรมคริปโต และมาจากหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรงอย่าง SEC ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ อาจเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจด้านนโยบายและภาพรวมของตลาดคริปโตในสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริบทของการขยายบทบาท CFTC ในการกำกับดูแลคริปโตในอนาคต