คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) แสดงท่าทีเปลี่ยนแปลงสำคัญต่อแนวทางการกำกับดูแลโครงการสกุลเงินดิจิทัล โดยเมื่อเร็วๆ นี้ พอล แอ็ตคินส์(Atkins) กรรมาธิการของ SEC กล่าวระหว่างการบรรยายว่า โทเคนที่จำหน่ายภายใต้ ‘สัญญาการลงทุน’ ไม่ได้หมายความว่าจะถูกจัดเป็น ‘หลักทรัพย์’ อย่างถาวร จุดยืนนี้สอดคล้องกับร่างกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่งเสนอในวุฒิสภาสหรัฐ
แอ็ตคินส์ได้ยกตัวอย่างกรณีส้มฟลอริดาชื่อดังที่เคยเป็นต้นแบบของ ‘แบบทดสอบฮาวีย์(Howey Test)’ โดยเขาอธิบายว่า ในอดีตการลงทุนในสวนส้มมีสถานะเป็นสัญญาการลงทุน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทรัพย์สินดังกล่าวกลับเปลี่ยนรูปแบบเป็นรีสอร์ทกอล์ฟและบ้านพักอาศัย ซึ่งไม่จัดเป็นหลักทรัพย์อีกต่อไป เขาจึงเน้นว่า ‘โครงสร้างทางกฎหมาย’ ของการลงทุนไม่จำเป็นต้องคงอยู่อย่างถาวร ซึ่งประเด็นนี้สามารถใช้กับโครงการคริปโตได้เช่นกัน
เขายังกล่าวถึงแนวคิดของเฮสเตอร์ เพียร์ซ(Hester Peirce) อีกหนึ่งกรรมาธิการของ SEC โดยอ้างถึงข้อโต้แย้งอันเป็นที่รู้จักว่า โทเคนอาจถือเป็นสัญญาการลงทุนในช่วงแรกของการเปิดตัว แต่อาจ ‘หลุดพ้น’ จากสถานะดังกล่าวได้ หากโครงการมีความคืบหน้าและเครือข่ายมีความเป็นแบบกระจายศูนย์มากขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนจะไม่พึ่งพาความพยายามบริหารจัดการของผู้ออกโทเคนเหมือนในช่วงแรกอีกต่อไป และโทเคนส่วนใหญ่จะถูกซื้อขายอย่างอิสระในตลาดโดยไม่มีความคาดหวังว่าทีมใดจะเป็นผู้นำหลัก
ถ้อยแถลงนี้ของ SEC มีนัยสำคัญต่อทิศทางการกำกับดูแลตลาดคริปโต เนื่องจากที่ผ่านมา การขายโทเคนโดยที่เข้าข่าย ‘สัญญาการลงทุน’ ทำให้ถูกจัดเป็น ‘หลักทรัพย์’ ซึ่งนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าด้วยการขึ้นทะเบียนและเปิดเผยข้อมูลอย่างเข้มงวด ส่งผลให้หลายโครงการต้องเผชิญกับคดีความฟ้องร้องในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม จุดยืนของแอ็ตคินส์กลับระบุว่า การใช้กฎหมายหลักทรัพย์อย่างเคร่งครัดแม้ในระยะที่โทเคนเข้าสู่ตลาดรอง อาจเป็นการตีความที่ ‘เกินขอบเขต’
จุดยืนนี้สอดคล้องกับร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดที่กำลังหารือในรัฐสภาสหรัฐ โดยเฉพาะฉบับที่เสนอในคณะกรรมการเกษตรของวุฒิสภา ซึ่งพยายามกำหนดให้ชัดว่า โทเคนนั้น ‘ไม่ใช่หลักทรัพย์’
การเปลี่ยนแปลงของ SEC อาจสะท้อนถึงบรรยากาศภายในหน่วยงานที่เริ่มเปิดรับแนวทางใหม่ๆ เมื่อโอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งมีมากขึ้น วงการคริปโตจึงคาดหวังว่า ท่าทีการกำกับดูแลจาก SEC จะ ‘มีความยืดหยุ่น’ มากขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น: ภาคส่วนคริปโตต้องการแนวทางกำกับดูแลที่เอื้อต่อการเติบโตมากกว่าการบีบคั้น และแนวคิดที่แยกจำแนกลักษณะสินทรัพย์ตามช่วงเวลาและระดับการกระจายถือเป็นการปรับตัวที่เหมาะสมต่อสภาพตลาดในปัจจุบัน
อุตสาหกรรมคริปโตได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการจะทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีสถานะชัดเจนในกรอบกฎหมายจำเป็นต้องใช้นโยบายที่ ‘ละเอียดอ่อนต่อบริบท’ และ ‘สอดคล้องกับรูปแบบการพัฒนา’ ของเทคโนโลยีเป็นสำคัญ ก้าวต่อไปของ SEC จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น 0