รายงานชี้รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเข้าถึงกระเป๋าบิตคอยน์(BTC) ด้วยช่องโหว่สร้างเลขสุ่ม

แพลตฟอร์มวิจัยเฉพาะทางด้านคริปโต CoinEasy เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า ที่อยู่กระเป๋าเงินบิตคอยน์(BTC) บางส่วนที่ถูกยึดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเคยถูกเตือนเรื่อง *ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย* มาก่อนหน้านี้ถึง 2 ปี รายงานดังกล่าวสร้างความสงสัยว่า รัฐบาลอาจใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เหล่านี้ในการเข้าถึงกระเป๋าเงินโดยตรง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับ *ความมั่นคงของระบบความปลอดภัยในคริปโต* โดยรวม

รายงาน "Milk Sad" ซึ่งเผยแพร่เมื่อปี 2023 เคยเตือนภัยว่าเครื่องมือสร้างกระเป๋าเงินบิตคอยน์ที่มีชื่อว่า Libbitcoin Explorer มีจุดบกพร่องจากการใช้ *Mersenne Twister (mt19937)* ซึ่งเป็นตัวสร้างเลขสุ่มที่ไม่ปลอดภัยในเชิงเข้ารหัส และมีการใช้ค่าสำหรับสุ่มที่เรียบง่ายจาก *ค่า timestamp ของระบบแบบ 32 บิต* เท่านั้น ส่งผลให้กุญแจส่วนตัวที่ผลิตขึ้นมีความสามารถในการคาดเดาสูงมาก และแฮกเกอร์สามารถใช้วิธี brute force ขโมยกระเป๋าเงินได้หลายพันใบจริง

CoinEasy ระบุว่าที่อยู่กระเป๋าเงินบางส่วนซึ่งถูกกล่าวถึงในรายงาน Milk Sad ได้ปรากฏในรายการกระเป๋าเงินที่ถูกยึดรวม 127,000 BTC โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งสร้างความสงสัยว่าเกิดขึ้นจากกระบวนการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว หรือรัฐบาลอาจตรวจพบและ *แอบใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย* ที่เคยถูกเปิดเผยก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่เคยออกแถลงการณ์ชี้แจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับกระเป๋าเงินเหล่านี้ว่าถูกเข้าถึงได้อย่างไร

จุดนี้ทำให้เกิด *สองข้อสันนิษฐาน* ขึ้นมา หนึ่งคือ การยึดทรัพย์ที่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่สันนิษฐานนี้มีข้อสงสัยเนื่องจากข้อมูลของรายงาน Milk Sad ไม่เคยถูกนำมาอ้างอิงอย่างเป็นทางการ ส่วนอีกข้อคือ รัฐบาลอาจเข้าถึงกระเป๋าเงินโดยอาศัยช่องโหว่ทางเทคนิค ซึ่งในกรณีนั้น การเข้าถึงครั้งนี้ถือเป็น "การกู้คืนทางเทคนิค" ที่อาจกลายเป็นประเด็นถกเถียงว่า *รัฐบาลอาจใช้วิธีการคล้ายกับการแฮก* ในการยึดทรัพย์

ทีมวิจัย CoinEasy แสดงความคิดเห็นไว้ว่า การที่กระเป๋าเงินที่ถูกระบุอย่างชัดเจนในรายงานด้านความปลอดภัย กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานรัฐ ถือเป็นสัญญาณเตือนรุนแรงต่อระบบความปลอดภัยของบล็อกเชน หาก *หลักการสร้างเลขสุ่ม (randomness)* ที่เป็นหัวใจของกระบวนการสร้างกระเป๋าเงินล้มเหลว ก็อาจหมายถึงการสูญเสียอำนาจการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง

แม้บิตคอยน์(BTC) จะได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งานทั่วโลกในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความมั่นคงและไม่ขึ้นกับศูนย์กลาง แต่กรณีนี้เผยให้เห็นว่า *เพียงช่องโหว่ทางเทคนิคเดียว* ก็สามารถทำลายหลักการความเป็นเจ้าของสินทรัพย์มูลค่ามหาศาลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อช่องโหว่นั้นเกิดจากปัญหาใน *เครื่องมือพัฒนา* ไม่ใช่ความผิดพลาดของผู้ใช้เอง

ท้ายที่สุด CoinEasy สรุปในรายงานว่า เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนว่า *ความเชื่อมั่นต่อระบบคริปโตไม่ได้อยู่ที่วิธีใช้เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของระบบที่ออกแบบมันด้วย* ช่องโหว่ที่เกิดจากการสร้างเลขสุ่มอย่างหยาบ ส่งผลให้แม้แต่กระเป๋าเงินที่ควรจะปลอดภัยที่สุด ยังถูกหน่วยงานรัฐ *เข้าถึงได้โดยไม่ต้องพึ่งกฎหมาย* และนั่นคือปัญหาใหญ่ของความปลอดภัยในโลกคริปโต