ตามรายงานของเมสซารี รีเสิร์ช(Messari Research) เมื่อวันที่ 24 แพลตฟอร์มบล็อกเชนชื่อดังอย่างอาวาแลนเช(Avalanche) มีมูลค่าตลาดพุ่งขึ้นถึง *127 พันล้านดอลลาร์* ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 เพิ่มขึ้นกว่า 67% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ถือเป็นครั้งแรกที่อาวาแลนเชทุบสถิติมูลค่าตลาดทะลุระดับ 100 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงพัฒนาการที่แข็งแกร่งของระบบนิเวศ โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวโครงการดิจิทัลทรัสเชอรี (Digital Treasury) และความเคลื่อนไหวจากนักลงทุนสถาบันหน้าใหม่
สิ่งที่น่าสนใจคือการเติบโตอย่างรอบด้านของระบบนิเวศของอาวาแลนเช เมสซารียังคาดว่า การเติบโตในอนาคตของอาวาแลนเชจะขึ้นอยู่กับความพร้อมของเครือข่าย การนำสินทรัพย์จริงเข้าสู่ระบบผ่านการโทเคนไรซ์(RWA) และการใช้งานของสเตเบิลคอยน์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสที่ผ่านมา อาวาแลนเชมี TVL ของ RWA เพิ่มขึ้นถึง 252% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบล็อกเชนระดับกลางรายอื่น ๆ แรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเปิดตัวโปรเจกต์โกรฟไฟแนนซ์(Grove Finance) ที่ร่วมมือกับเจนัส เฮนเดอร์สันและเซนทรีฟิวจ์
ในภาค DeFi อาวาแลนเชก็ขยายตัวเช่นกัน โดยมี TVL รวมเพิ่มขึ้น 41.6% มูลค่ารวมอยู่ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์ โปรโตคอลน้องใหม่อย่างแบล็กโฮล(Blackhole) ก็สามารถไต่ขึ้นสู่สามอันดับแรกได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เอฟ(Aave) และเบนคี(Benqi) ยังคงเป็นผู้เล่นหลัก ด้วยมูลค่า TVL ที่ 1.04 พันล้านดอลลาร์ และ 350 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ระบบนิเวศ DEX ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันเพิ่มขึ้นกว่า 182%
ในแง่ของกิจกรรมบนเชน อาวาแลนเชแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวชัดเจน โดยมีจำนวนธุรกรรมเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 36.5 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 136% จากไตรมาสก่อน ขณะที่จำนวนที่อยู่ผู้ใช้งานรายวันเพิ่มขึ้นถึง 277% อยู่ที่ 19.78 ล้านแอดเดรส ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการเปิดตัวไบนารีเน็ตเวิร์ก(Binary Network) ที่เน้นตลาดเอเชียแปซิฟิก(APAC)
ในด้านเทคโนโลยี อาวาแลนเชได้ทำการทดสอบอัปเกรด Granite บนเทสต์เน็ต ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโหนดตรวจสอบและรองรับการยืนยันตัวตนทางชีวภาพ อีกทั้งยังเตรียมนำ secp256r1 มาใช้เพื่อรองรับ FaceID และ TouchID ได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันก็มีข้อเสนออัปเกรดอื่น ๆ อย่าง ACP-194 และ ACP-226 เพื่อยกระดับความเร็วในการประมวลผลและรองรับการทำงานแบบขนาน
ในส่วนของการบริหารสินทรัพย์ อาวาแลนเชได้เปิดตัว AVAX Treasury Co(AVAT) และ AVAX One ซึ่งสามารถดึงเม็ดเงินสัญญาไว้ล่วงหน้ารวมกว่า 11 พันล้านดอลลาร์ ทั้งสององค์กรตั้งเป้าจะจดทะเบียนในแนสแด็กและเข้าซื้อ AVAX รวมมูลค่าราว 17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันในการเทขายและตอบสนองความต้องการจากนักลงทุนสถาบัน ทำให้อาวาแลนเชขยายบทบาทจากสินทรัพย์ดิจิทัลไปสู่เครื่องมือการเงินเชิงกลยุทธ์
ในด้านนโยบายและกฎระเบียบก็มีความคืบหน้าเช่นกัน โดยในเกาหลีใต้ อาวาแลนเชได้ร่วมมือกับธนาคารอูรี(우리은행) เพื่อเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ KRW1 ที่มีมูลค่าผูกกับสกุลเงินวอน ขณะที่ในญี่ปุ่น JPYC ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการภายใต้กฎหมายการชำระเงินฉบับแก้ไข เพื่อผลักดันการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผูกกับเงินเยน
เมสซารีระบุว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนถึงความ ‘เป็นมิตรต่อสถาบัน’ ของอาวาแลนเชที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มขยายเครือข่ายและผลักดันการโทเคนไรซ์สินทรัพย์จริงได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 และต้นปี 2026 โดยอาศัยจุดแข็งทั้งด้านเฟรมเวิร์กแบบมัลติเชน ระบบตรวจสอบแบบกระจาย และโครงสร้างรางวัลสเตกกิ้งที่เป็นระบบ
สรุปแล้ว ไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของอาวาแลนเช ทั้งในแง่เทคโนโลยี ระบบนิเวศ การสนับสนุนสถาบัน และการฟื้นตัวของตลาด ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าอาวาแลนเชไม่ได้เป็นแค่โครงการบล็อกเชนธรรมดา แต่กำลังกลายเป็นหนึ่งใน *จุดบรรจบระหว่างโลกสินทรัพย์จริงกับการเงินดิจิทัล* อย่างแท้จริง ความคิดเห็น: นี่อาจเป็นสัญญาณชัดเจนว่าอาวาแลนเชพร้อมสำหรับบทบาทผู้นำในยุคถัดไปของการเงินยุคใหม่
ความคิดเห็น 0