เซอร์เกย์ นาซารอฟ ผู้ร่วมก่อตั้งเชนลิงก์(LINK) ระบุว่า แม้การยอมรับการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) โดยภาคประชาชนจะยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเด็นด้าน ‘กฎระเบียบ’ และ ‘โครงสร้างทางกฎหมาย’ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน
นาซารอฟ กล่าวในการสัมภาษณ์ผ่านยูทูบเมื่อไม่นานมานี้ว่า "ปัจจุบัน DeFi เข้าสู่ระดับการยอมรับโดยสาธารณชนราว 30% แล้ว" และเสริมว่า “หากมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและระบบรองรับที่เป็นรูปธรรม การยอมรับเทคโนโลยีนี้อาจพุ่งขึ้นถึง 50% ทั่วโลก”
DeFi คือบริการทางการเงินที่ดำเนินการบนบล็อกเชน โดยไม่มีตัวกลางอย่างธนาคาร รูปแบบที่ลดการพึ่งพาสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมนี้ได้สร้างกระแสความเปลี่ยนแปลงในตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เรื่อง "การแทนที่โครงสร้างการเงินแบบเก่าได้หรือไม่" ยังเป็นประเด็นที่มี ‘ความคิดเห็น’ ที่แตกต่างกันในอุตสาหกรรม
นาซารอฟแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า ‘กฎระเบียบ’ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยอธิบาย ‘ความน่าเชื่อถือ’ และ ‘ประโยชน์ใช้สอย’ ของ DeFi ให้แก่สาธารณชนและภาครัฐทั่วโลก
บุคคลในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลหลายรายต่างยืนยันในแนวคิดเดียวกัน โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มิไฮล เอกอโกรฟ ผู้นำการก่อตั้งเคิร์ฟ ไฟแนนซ์(Curve Finance) กล่าวว่า “อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการยอมรับ DeFi คือ ‘ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย’ และ ‘ข้อกำหนดด้าน KYC และ AML’” พร้อมระบุด้วยว่า ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ความโปร่งใสในการทำธุรกรรม และประเด็นความปลอดภัยทางเทคนิคก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตา
ด้านนาซารอฟยังตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐอเมริกาอาจเป็น ‘จุดเริ่มต้น’ ของการกำหนดกรอบกฎหมาย DeFi ระดับโลก โดยกล่าวว่า “กฎระเบียบที่ชัดเจนอาจเริ่มต้นที่สหรัฐฯ และหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับทิศทางตามการตัดสินใจของระบบการเงินอเมริกัน” ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ นี้ชี้ให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของสหรัฐใน DeFi อาจกระตุ้นให้เกิดการกำหนดนโยบายในประเทศอื่นๆ ตามมา
แม้ว่า DeFi จะเป็นภาคส่วนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่การเข้าสู่ระบบการเงินแบบมีระเบียบจำเป็นต้องมี ‘ความชัดเจนด้านกฎหมาย’ ‘ความเชื่อมั่นด้านเทคโนโลยี’ และ ‘ความสามารถในการบูรณาการกับภาครัฐ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกำหนดทิศทางของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จะกลายเป็นสัญญาณสำคัญต่อทิศทางทั่วโลกของตลาดนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น 0