เทเธอร์(Tether) ผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์รายใหญ่ กำลังถือครองทองคำจริงมูลค่าประมาณ 116 ตัน ซึ่งจัดว่าใกล้เคียงกับระดับการถือทองของธนาคารกลางเกาหลีใต้, ฮังการี และกรีซ แสดงให้เห็นถึงสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างมากเมื่อเทียบกับบริษัทเอกชนทั่วไป
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) Financial Times รายงานโดยอ้างอิงจากเอกสารของบริษัทวิเคราะห์เจฟฟรีส์(Jefferies) ว่า เทเธอร์มีบทบาทเพิ่มขึ้นในฐานะ ‘ผู้ถือทองรายใหญ่’ นอกเหนือจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยระบุว่า การซื้อทองของเทเธอร์อาจมีบทบาทสำคัญแต่ถูกประเมินต่ำเกินไปต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองในระยะหลัง
รายงานระบุว่า ในไตรมาสที่ผ่านมา เทเธอร์ถือสัดส่วนของอุปสงค์ทองคำทั่วโลกประมาณ 2% ซึ่งเท่ากับประมาณ 12% ของการซื้อทองโดยธนาคารกลาง เจฟฟรีส์ให้ความเห็นว่า ‘การเร่งสะสมทองอย่างจริงจังของเทเธอร์’ ส่งผลต่ออุปทานในตลาดทองระยะสั้น และกระตุ้นความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน จนอาจกลายเป็นแรงผลักดันให้เงินทุนในตลาดทองเพิ่มขึ้น
ด้านนักลงทุนเผยว่า เทเธอร์กำลังวางแผนจะซื้อทองเพิ่มเติมอีกราว 100 ตันภายในปี 2025 โดยพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคงของบริษัทสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิในปีนี้สูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 521,190 ล้านบาท)
ยุทธศาสตร์ด้านทองของเทเธอร์ ยังครอบคลุมถึงการขยายการลงทุนในห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งนี้ในปี 2024 บริษัทได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทผลิตทองเกินกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 44,240 ล้านบาท) รวมถึงเข้าซื้อหุ้น 32% ของ Elemental Altus Royalties บริษัททองคำที่จดทะเบียนในแคนาดา ซึ่งมีโมเดลธุรกิจแบบรับส่วนแบ่งรายได้จากการขุด (royalty)
นอกจากนี้ เทเธอร์ยังบริหาร ‘เทเธอร์โกลด์(XAUt)’ โทเคนที่อ้างอิงกับทองคำจริงในสวิตเซอร์แลนด์ โดยปัจจุบันมีการบุ๊กทองคำค้ำประกันอย่างชัดเจน รายงานระบุว่า ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา เทเธอร์ได้ออกโทเคนนี้เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า คิดเป็นทองคำประมาณ 275,000 ออนซ์ (มูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 162,200 ล้านบาท) นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม
ความคิดเห็น: การเพิ่มน้ำหนักที่สินทรัพย์ทองคำของเทเธอร์นั้นไม่ได้เป็นเพียงกลยุทธ์ด้านการกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มที่ตลาดสเตเบิลคอยน์ต้องหาทางสร้างความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งาน ด้วยการพึ่งพาสินทรัพย์ที่เป็นที่ยอมรับในระบบการเงินดั้งเดิม เทเธอร์อาจกำลังก้าวเข้าสู่บทบาท ‘ผู้ควบคุมตลาด’ ในตลาดทองคำ และเป็นตัวเร่งให้เส้นแบ่งระหว่างโลกคริปโตและตลาดการเงินแบบดั้งเดิมยิ่งเลือนลางขึ้น
ความคิดเห็น 0