ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้บริหารของสเตรเทจี(Strategy) ได้นำเสนอแนวทางใหม่เพื่อคลายความกังวลของนักลงทุน ท่ามกลางราคาบิตคอยน์(BTC) ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัทได้เปิดตัวแดชบอร์ด ‘BTC Rating’ ซึ่งเป็นระบบให้คะแนนความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท โดยอิงจากมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นบุริมสิทธิ พร้อมประกาศว่า สเตรเทจีมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องยาวนานกว่า 70 ปี
สเตรเทจีเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลกในขณะนี้ การดำเนินการครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อราคาบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 60,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.8 ล้านบาท) ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าบริษัทที่มีสินทรัพย์บิตคอยน์จำนวนมากอาจต้องเผชิญสถานการณ์บังคับขายเพื่อล้างพอร์ต
สเตรเทจีชี้แจงผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “แม้ราคาบิตคอยน์จะลดลงถึงระดับ 74,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 10.8 ล้านบาท) ซึ่งตรงกับต้นทุนเฉลี่ยในการซื้อของบริษัท บริษัทก็ยังมีสินทรัพย์ในมือสูงกว่าหนี้จากหุ้นกู้แปลงสภาพถึง 5.9 เท่า และในกรณีที่ราคาบิตคอยน์ลดลงเหลือเพียง 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 ล้านบาท) ก็ยังคงอยู่ในระดับ 2.0 เท่า” ข้อมูลนี้ถูกนำมาใช้ในการสร้างแนวคิดใหม่ภายใต้ชื่อว่า ‘BTC Rating’
การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการบัญชีและการจัดโครงสร้างทางการเงินเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเงินปันผลจากหุ้นบุริมสิทธิ แสดงให้เห็นว่าสเตรเทจียังคงมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง แม้ตลาดคริปโตจะอยู่ในช่วงขาลงยาว
ความคิดเห็นจากตลาดชี้ว่าการเคลื่อนไหวของสเตรเทจีครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน และบ่งชี้ว่าสามารถต้านทานความผันผวนของตลาดได้ดี ในทางกลับกัน บริษัทอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็น ‘บริษัทถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล’ (DAT) ก็อาจต้องเร่งเปิดเผยข้อมูลทางการเงินในลักษณะเดียวกัน เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาความเชื่อใจของผู้ถือหุ้น
‘BTC Rating’ กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารกับนักลงทุนที่น่าจับตา โดยเน้นไปที่การเปิดเผยสัดส่วนระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน รวมถึงแสดงศักยภาพในการจ่ายปันผลระยะยาว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในยุคที่ความคลุมเครือในตลาดคริปโตยังคงดำเนินอยู่
ความคิดเห็น 0