Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เอเอ็มแมเนจเมนท์ชี้บิตคอยน์(BTC) อาจเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น หากทะลุแนวต้าน $93,800

เอเอ็มแมเนจเมนท์ชี้บิตคอยน์(BTC) อาจเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น หากทะลุแนวต้าน $93,800 / Tokenpost

เอเอ็มแมเนจเมนท์(AM Management) เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า หลังการยุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ทิศทางของเศรษฐกิจมหภาคระดับโลกและตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่กระบวนการปรับตัวอีกครั้ง โดยมองว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

รายงานระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป การหยุดมาตรการควบคุมสภาพคล่อง (QT) ของ Fed ถือเป็นสัญญาณแห่งการสิ้นสุดของยุคการเงินตึงตัว ซึ่งควบคุมตลาดมานานหลายปี ตลาดตีความว่านี่อาจหมายถึงการเข้าสู่ภาวะนโยบายแบบ ‘เป็นกลาง’ และเริ่มพูดถึงโอกาสที่ตลาดจะได้เห็น ‘การอัดฉีดเงิน’ (QE) อีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความหวังต่อ ‘แรลลีปลายปี’ ตามการวิเคราะห์ของเอเอ็มแมเนจเมนท์

ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณจากคณะกรรมการ Fed บางรายยังคงแสดงท่าทีเหยี่ยว สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาด แต่อารมณ์นักลงทุนเริ่มฟื้นตัวหลังการแถลงผลประกอบการของเอ็นวีเดีย(NVDA) ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และมีการปรับประมาณการรายได้ในอนาคตสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยตรง

ตลาดคริปโตเองก็ได้รับอานิสงส์จากบรรยากาศดังกล่าวเช่นกัน รายงานชี้ว่า บิตคอยน์(BTC) แม้จะเริ่มต้นสัปดาห์ในท่าที ‘ขายรุนแรง’ แต่ครึ่งหลังของสัปดาห์เริ่มพลิกกลับเข้าสู่ช่วง ‘ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป’ ดัชนีความครอบครองตลาดของบิตคอยน์ (Dominance) ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 59.29% ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) อ่อนตัวลงเหลือ 11.52% ส่วนการไหลเข้าของเงินลงทุนโดยรวมยังชะลอตัว ในทางกลับกัน ดัชนีโดมิแนนซ์ของเทเธอร์(USDT) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ราว 6.31% สะท้อนถึง ‘ความระมัดระวัง’ ของนักลงทุนที่ยังคงสูง

ในด้านกองทุน ETF สถานการณ์ก็สะท้อนอารมณ์นักลงทุนเช่นกัน เอเอ็มแมเนจเมนท์รายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน ตลาด ETF คริปโตที่จดทะเบียนในสหรัฐ แสดงให้เห็นถึง ‘การไหลออก’ ของเงินทุนอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงความพยายามในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเฉพาะ ETF ของบิตคอยน์ ซึ่งมีเงินไหลออกสุทธิราว 200 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ETF ของอีเธอเรียมแสดงพฤติกรรมใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ETF ของโซลานา(SOL) ยังคงบันทึก ‘กระแสเงินเข้าขนาดเล็ก’ อย่างต่อเนื่องในฐานะสินทรัพย์สำหรับกระจายความเสี่ยง

ด้านวิเคราะห์ทางเทคนิค รายงานชี้ว่า บิตคอยน์กำลังแสดงรูปแบบ ‘Spring’ ตามทฤษฎีวายคอฟ(Wyckoff) บริเวณแนวล่างของช่องขนานขาลง (Descending Channel) ซึ่งโดยทั่วไปถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการ ‘ทำจุดต่ำสุด’ หรือที่เรียกกันในหมู่นักลงทุนว่า ‘Sell Climax’ หากสามารถฝ่าแนวต้านที่ $93,800 ได้ จะถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ด้านทิศทางราคา

ในประเด็นคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย ข้อมูลจาก CME FedWatch แสดงให้เห็นว่า ตลาดประเมินโอกาสถึง 69.4% ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนธันวาคม ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% หากเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นอีกแรงหนุนสำคัญต่อทิศทาง ‘ผ่อนคลาย’ ของนโยบายการเงิน โดยคาดว่า Fed จะใช้แนวทาง ‘คงงบดุลและเน้นการรีอินเวสต์’ เป็นหลัก ขณะที่ทิศทางต่อไปจะต้องติดตามดัชนีเงินเฟ้อและการบริโภคของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด

เอเอ็มแมเนจเมนท์สรุปในช่วงท้ายว่า ตลาดคริปโตต่อนี้ไปอาจเข้าสู่ ‘ช่วงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป’ หลังผ่านความผันผวนในระยะสั้น และหากนโยบายผ่อนคลายและสภาพคล่องยังคงเดินหน้า ก็มีแนวโน้มสูงที่เข้าสู่ ‘วัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่’ ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากบิตคอยน์สามารถทะลุแนวต้าน $93,800 ได้สำเร็จ ก็อาจกลายเป็นสัญญาณยืนยันที่สำคัญของการ ‘เปลี่ยนเทรนด์’ ในนักลงทุนสายเทคนิคอีกด้วย

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1