ไมโครสตราทีจี(MSTR) เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘สตราทีจี(Strategy)’ พร้อมปรับแบรนด์ใหม่ นอกจากนี้บริษัทยังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2024 โดยระบุว่าได้ซื้อบิตคอยน์(BTC) เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ (เวลาท้องถิ่น) รายงานผลประกอบการที่เผยแพร่ระบุว่า สตราทีจีถือครองบิตคอยน์จำนวน 471,107 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 46,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.67 ล้านล้านบาท) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา บริษัทได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มถึง 218,887 BTC โดยใช้เงินลงทุนกว่า 20,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.97 แสนล้านบาท) แอนดรูว์ คัง (Andrew Kang) ประธานฝ่ายการเงินของบริษัทกล่าวว่า “ปริมาณบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์”
ฟอง ลี (Phong Le) ซีอีโอของบริษัทอธิบายถึงเหตุผลของการเปลี่ยนชื่อว่า เป็นการสะท้อนทิศทางกลยุทธ์ใหม่ที่เน้น 'บิตคอยน์' และ ‘ปัญญาประดิษฐ์(AI)’ พร้อมย้ำว่า บริษัทจะยังคงเป็นผู้นำในตลาดการเงินดิจิทัลต่อไป
นอกจากนี้ สตราทีจียังเผยว่ามีอัตราผลตอบแทนบิตคอยน์ (BTC Yield) อยู่ที่ 74% ในปี 2024 ซึ่งใช้เป็นตัวชี้วัดอัตราการเติบโตของบิตคอยน์ที่ถือครองต่อหุ้น บริษัทได้ตั้งเป้าหมายผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 15% ในปี 2025 และได้แนะนำตัวชี้วัดใหม่ ได้แก่ ‘BTC Gain’ และ ‘BTC $Gain’ โดยบริษัทสามารถสะสมบิตคอยน์เพิ่มได้อีก 140,538 BTC ในปี 2024 และตั้งเป้าว่าจะสร้าง BTC $Gain มูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.45 แสนล้านบาท) ในปี 2025
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานการลงทุนในบิตคอยน์ ธุรกิจซอฟต์แวร์ของบริษัทยังคงเผชิญความท้าทาย โดยในไตรมาสที่ 4 ได้ขาดทุนไป 671 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.7 หมื่นล้านบาท) และมีรายได้ 120.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.75 หมื่นล้านบาท) ซึ่งลดลง 3% จากปีก่อน
หลังการเปิดเผยผลประกอบการ ราคาหุ้นของสตราทีจีลดลง 3.3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ โดยอยู่ที่ 332 ดอลลาร์ต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 586%
ความคิดเห็น 0