เซอร์เคิล(Circle) ประกาศลงนามข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัท อินเทอรอปแล็บส์(Interop Labs) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาหลักของเครือข่ายการทำงานร่วมกันแบบกระจายศูนย์ ‘แอกเซลาร์(Axelar)’ โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของเซอร์เคิลในฐานะผู้ออก *สเตเบิลคอยน์* ในขณะที่การแข่งขันด้านการรองรับหลายบล็อกเชน (Multichain) ทวีความรุนแรงมากขึ้น
เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น เซอร์เคิลเปิดเผยว่าได้ทำข้อตกลงเข้าซื้อทีมงานของอินเทอรอปแล็บส์ รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาที่มีสิทธิ์เฉพาะ โดยคาดว่าขั้นตอนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในช่วงต้นปี 2026 อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการครั้งนี้ไม่รวมถึงเครือข่ายแอกเซลาร์, เหรียญ AXL หรือการบริหารงานของมูลนิธิ ซึ่งจะยังคงบริหารโดย *คอมมูนิตี้* ตามเดิม
ในแง่เทคนิค อินเทอรอปแล็บส์คือทีมหลักที่พัฒนาเครือข่ายแอกเซลาร์ซึ่งสามารถส่งข้อความและถ่ายโอนสินทรัพย์ข้ามเชน เซอร์เคิลมีแผนว่าจะนำเทคโนโลยีของอินเทอรอปแล็บส์ไปผสานเข้ากับบล็อกเชนของตัวเองที่มีชื่อว่า *อาร์ค(Arc)* รวมถึง *โปรโตคอลการโอนข้ามเชน* (CCTP) เพื่อเพิ่มความสามารถด้าน *อินเตอร์โอเปอราบิลิตี้* ให้กับสินทรัพย์ที่ทำงานบนอาร์ค พร้อมเสริมบริการสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันแบบหลายเชน
เซอร์เคิลยังยืนยันว่า จะไม่มีการควบคุมเหรียญ AXL หรือเข้าไปแทรกแซงเครือข่ายแอกเซลาร์โดยตรง เพื่อป้องกันปัญหาด้านความเป็นกลางทางเทคโนโลยี โดยบทบาทในการพัฒนาโอเพนซอร์สของอินเทอรอปแล็บส์จะถูกส่งต่อให้กับผู้ร่วมพัฒนาอีกรายคือ *คอมมอนพรีฟิกซ์(Common Prefix)* เพื่อให้การทำงานในเครือข่ายยังสามารถดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
แม้เงื่อนไขด้านมูลค่าการเข้าซื้อจะไม่ถูกเปิดเผย แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนทิศทางใหม่ของเซอร์เคิลที่ต้องการวางระบบนิเวศของตัวเองให้สามารถเชื่อมโยงสินทรัพย์ข้ามบล็อกเชน และลดข้อจำกัดของโครงสร้างแบบเดิม ปัจจุบันเซอร์เคิลเป็นผู้ออกเหรียญ *USD Coin (USDC)* ซึ่งมีมูลค่าตลาดคิดเป็นอันดับสองของโลก โดยครองส่วนแบ่งตลาดราว 25% จากตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลกที่มีมูลค่าราว 3.1 แสนล้านดอลลาร์
*ความคิดเห็น:* การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของเซอร์เคิลในการสร้าง *อินฟราสตรักเจอร์* สำหรับยุคของแอปพลิเคชันบนบล็อกเชนที่ไร้รอยต่อ ขณะเดียวกันก็เป็นกลยุทธ์สกัดความเสี่ยงจากการกำกับดูแล เพราะแยกโครงสร้างการควบคุมเหรียญและเครือข่ายแอกเซลาร์ออกจากกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ การมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองยังสะท้อนการแข่งขันที่รุนแรงในภาคธุรกิจสเตเบิลคอยน์ที่ต้องการหลากหลายแหล่งรายได้มากกว่าการออกโทเคนเพียงอย่างเดียว
ความคิดเห็น 0