เรดอทเพย์(RedotPay) บริษัทฟินเทคด้านการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง ระดมทุนได้ถึง 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,583 ล้านบาท) ในรอบ Series B ทำให้ยอดรวมการระดมทุนในปี 2025 ของบริษัทแตะระดับ 194 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,868 ล้านบาท) ตามรายงานจากแหล่งข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่ 24 การระดมทุนครั้งนี้นำโดยกู๊ดวอเตอร์ แคปิตอล ร่วมด้วยพันเทรา แคปิตอล, บล็อกเชน แคปิตอล และเซอร์เคิล เวนเจอร์ส โดยนักลงทุนรายเดิมอย่าง HSG ก็ร่วมลงทุนอีกครั้ง
เรดอทเพย์ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการใช้งาน *สเตเบิลคอยน์* ในชีวิตประจำวัน เช่น บัตรชำระเงินดิจิทัล, บัญชีที่รองรับหลายสกุลเงิน, บริการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล, มาร์เก็ตเพลสแบบ P2P และระบบการโอนเงินข้ามประเทศ ปัจจุบัน บริษัทมีผู้ใช้งานกว่า 6 ล้านรายในกว่า 100 ประเทศ โดยมีมูลค่าการทำธุรกรรมต่อปีสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14.79 แสนล้านบาท) และสร้างรายได้ต่อปีเกิน 150 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,218 ล้านบาท)
บริษัทเปิดเผยว่าเงินทุนที่ได้รับจากรอบนี้จะใช้สำหรับการควบรวมกิจการ(M&A), ขยายการขอใบอนุญาตในประเทศต่าง ๆ, เสริมสร้างทีมด้านกฎระเบียบ และการจ้างวิศวกรและนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับแผนการขยายตลาดใหม่และบริการในอนาคต
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เรดอทเพย์ระดมทุนได้ 47 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 694 ล้านบาท) ซึ่งส่งผลให้มูลค่าบริษัททะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.48 หมื่นล้านบาท) โดยมีนักลงทุนอย่างคอยน์เบส เวนเจอร์ส, แกแล็กซี เวนเจอร์ส และเวอร์เท็กซ์ เวนเจอร์ส ร่วมลงทุน อีกทั้งในเดือนธันวาคม บริษัทได้ร่วมมือกับริปเปิล(XRP) เปิดบริการใหม่ในไนจีเรีย อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนคริปโตเป็นค่าเงินไนรา(Naira) และถอนผ่านบัญชีธนาคารในประเทศได้โดยตรง
‘ความคิดเห็น’: ความเคลื่อนไหวของเรดอทเพย์สะท้อนถึงการเติบโตของตลาดชำระเงินด้วย *สเตเบิลคอยน์* ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหลายประเทศเริ่มบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น สหรัฐฯ ที่ได้ออกกฎหมาย ‘GENIUS Act’ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่ารวมของสเตเบิลคอยน์ในตลาดเติบโตขึ้นกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ จนมีมูลค่ารวมประมาณ 309,500 ล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้กว่า 60% เป็นของเทเธอร์(USDT)
บริษัทอื่นก็เร่งลงทุนในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น บริษัท M0 จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับเงิน 40 ล้านดอลลาร์จากโพลีเชน แคปิตอล และริบิท แคปิตอล, สตาร์ทอัป Rain จากสหรัฐฯ ได้รับเงิน 58 ล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับบริการธนาคาร, คอยน์โฟลว์ในชิคาโกะระดมทุน 25 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโซลูชันสำหรับโอนเงินข้ามพรมแดน และ CMT ดิจิทัลตั้งกองทุน blockchain มูลค่า 136 ล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนในบริษัทด้านสเตเบิลคอยน์
‘ความคิดเห็น’: การที่หลายบริษัทหันมาลงทุนในเทคโนโลยีชำระเงินด้วย *สเตเบิลคอยน์* สะท้อนถึงศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้ามาเสริมระบบการเงินดั้งเดิม โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็ว, ความโปร่งใส และต้นทุนที่ต่ำลง ทั้งนี้ ความน่าเชื่อถือและการควบคุมตามกฎหมายนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ความคิดเห็น 0