ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ซึ่งระบุว่า ในช่วงกว่า 60 ปีที่ผ่านมา การใช้ดอลลาร์สหรัฐในตลาดตราสารหนี้ระหว่างประเทศมีลักษณะเป็น ‘วัฏจักรซ้ำ’ โดยไม่ได้มีทิศทางที่มุ่งไปยังการครองอำนาจอย่างถาวร หรือเกิดแนวโน้มชัดเจนของการเลิกใช้ดอลลาร์ในระดับโลก
รายงานของเฟดในครั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจากฐานข้อมูลการออกตราสารหนี้ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ช่วงปี 1960 จนถึงปัจจุบัน มีคลื่น ‘การใช้ดอลลาร์’ (Dollarization Wave) อย่างน้อย 3 ครั้ง แต่ละช่วงไม่ได้แสดงการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสัดส่วนการใช้ดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง ทว่าเคลื่อนไหวขึ้นลงตามการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางการเงินโลก ซึ่งสะท้อนว่าตลาดมี ‘พฤติกรรมเป็นรอบ’ มากกว่าจะเปลี่ยนเทรนด์ในระยะยาว
หนึ่งในช่วง ‘การฟื้นตัวของดอลลาร์’ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2008 โดยมีการวิเคราะห์ว่าผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ส่งผลให้บทบาทของดอลลาร์ในตลาดตราสารหนี้กลับมาแข็งแกร่งอย่างชัดเจน รายงานยังเปรียบเทียบกับช่วงต้นทศวรรษ 2000 ที่ตราสารหนี้ที่มีสกุลเงินยูโรเป็นสกุลหลักเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แต่สุดท้ายแล้ว ‘ดอลลาร์’ ก็กลับมายึดบทบาทผู้นำในตลาดโลกอีกครั้ง
ข้อค้นพบนี้ถูกมองว่าเป็นการ ‘ตอบโต้โดยอ้อม’ ต่อกระแสข่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาซึ่งมักพูดถึง ‘จุดจบของดอลลาร์’ ทั้งในบริบทของสงคราม, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือการเร่งพัฒนาเงินดิจิทัลโดยหลายประเทศ อย่างไรก็ตามเฟดย้ำว่า ดอลลาร์ยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งในฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศและเครื่องมือหลักในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยโครงสร้างนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพียงเพราะแรงสั่นสะเทือนระยะสั้น
‘ความคิดเห็น’: ความผันผวนที่เกิดขึ้นกับดอลลาร์อาจเป็นจุดเริ่มของการวางกลยุทธ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุน ไม่ว่าจะในการจัดพอร์ตตราสารหนี้หรือการกำหนดสัดส่วนเงินตราต่างประเทศ การทำความเข้าใจ 'วงจร' ของดอลลาร์ ที่มีลักษณะคล้ายคลื่นและสัมพันธ์กับสภาพคล่องและทัศนคติด้านความเสี่ยงทั่วโลก นับเป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจทางการเงินอย่างยั่งยืน
‘คำสำคัญ’: ดอลลาร์สหรัฐ, การใช้ดอลลาร์, การเลิกใช้ดอลลาร์, ตลาดตราสารหนี้, เฟด, วัฏจักรการเงิน
ความคิดเห็น 0