Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

นักลงทุนสถาบันเปลี่ยนสมการคริปโต: ความผันผวนลดลง-โครงสร้างตลาดแกร่งขึ้น

ตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของความผันผวนที่มี ‘นักลงทุนสถาบัน’ เป็นศูนย์กลาง จากข้อมูลล่าสุดของซาด อาห์เหม็ด(Saad Ahmed) ผู้บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเจมินี(Gemini) เขาเปิดเผยในการสัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า แม้จะยังคงตอบสนองต่อข่าวเศรษฐกิจมหภาคเช่นเดิม แต่พฤติกรรมของตลาดกลับไม่เหมือนเดิม เพราะมี *นักลงทุนสถาบันเข้ามามีบทบาทสำคัญ*

อาห์เหม็ดระบุว่า แม้การเข้ามาของ ‘นักลงทุนรายใหญ่’ จะไม่ได้ขจัดความผันผวนโดยสิ้นเชิง แต่กลับ *เปลี่ยนลักษณะของความผันผวน* ไปโดยสิ้นเชิง ปัจจุบันกลไกการดูดซับแรงสั่นสะเทือนของตลาดเริ่มทำงานผ่านโครงสร้างแบบมืออาชีพ เช่น *สินทรัพย์โครงสร้าง, การบริหารงบดุล,* และ *การจัดสรรสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์* ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปแบบที่นักลงทุนสถาบันคุ้นเคย

อาห์เหม็ดชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่า ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ ตลาดในยุคนี้ไม่ได้ตอบสนองด้วยความตื่นตระหนกเหมือนอดีตอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น บิตคอยน์(BTC) ที่ปรับตัวลงจากระดับประมาณ 100,000 ดอลลาร์ในกลางเดือนพฤศจิกายน 2025 เหลือราว 87,000 ดอลลาร์ในกลางเดือนธันวาคม คิดเป็นการลดลงประมาณ 17–21% ส่วนอีเธอเรียม(ETH) ก็เหมือนกัน โดยปรับตัวลงจากราว 3,900 ดอลลาร์ เหลือ 2,745 ดอลลาร์ แต่ก็กลับมาอยู่ที่ระดับ 2,900–3,000 ดอลลาร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนว่าแม้จะลดลงถึง 25% แต่ก็ได้ ‘การฟื้นตัวทางโครงสร้าง’ รองรับ

“เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ความสามารถในการจัดการความเสี่ยงของนักลงทุนสถาบันกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตลาด” อาห์เหม็ดกล่าว พร้อมย้ำว่า การเคลื่อนไหวของราคาไม่ได้เกิดจากอารมณ์ แต่เป็นผลของ *การปรับพอร์ตตามเกณฑ์ที่ชัดเจนด้านการบริหารความเสี่ยง*

แม้กระแสเงินทุนของ ETF อาจจะถูกจับตามองในฐานะสัญญาณบ่งชี้ระยะสั้น แต่อาห์เหม็ดเตือนว่าควรระวังการใช้มันเพียงปัจจัยเดียวในการตัดสินแนวโน้มของตลาด เขาเชื่อว่า *‘โครงสร้างพื้นฐานของตลาด’ มีความสำคัญยิ่งกว่าเงินทุนไหลเข้า ETF* ไม่ว่าจะเป็นระบบรับฝากสินทรัพย์ที่ปลอดภัย, ความสามารถในการดำเนินการหลังการซื้อขาย หรือแม้แต่การมีสภาพคล่องในระดับสถาบัน

“ไม่ว่าเราจะพูดถึง ETF หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนใดๆ ก็ตาม เหตุผลที่นักลงทุนสถาบันยังคงอยู่ในตลาด ก็เพราะว่าพื้นฐานโครงสร้างของตลาดมีความพร้อมเพียงพอ” เขาระบุ

เมื่อมองไปยังปี 2026 อาห์เหม็ดเสนอแนวคิดว่า แนวโน้มของคริปโตควรมองไกลเกินกว่ากราฟราคา โดยเขาให้ความสำคัญกับ *ข้อมูลจากการใช้งานบนเชน (On-chain), การใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงิน,* และ *การโทเคนไนซ์สินทรัพย์จริง* เป็นดัชนีชี้วัดการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในแง่ภูมิภาค อาห์เหม็ดเชื่อว่าตลาดในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะสิงคโปร์, ออสเตรเลีย และฮ่องกง กำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบที่เน้นผู้ลงทุนรายย่อยสู่ *ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยนักลงทุนสถาบัน* อย่างแท้จริง ปริมาณการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลจริงในภาคการเงิน ระบบคลัง และการจัดการกองทุนของรัฐบาล ในขณะที่กฎระเบียบในหลายประเทศก็พัฒนาเพื่อรองรับทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้ เจมินีจึงได้ตั้งทีมงานใหม่ในออสเตรเลีย เพื่อให้บริการทั้งลูกค้ารายบุคคลและสถาบันอย่างครอบคลุม ตอกย้ำเป้าหมายในการขยายธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างจริงจัง

*คำสำคัญ*: นักลงทุนสถาบัน, ความผันผวนของคริปโต, บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), ETF, โครงสร้างตลาด, การโทเคนไนซ์, On-chain, เอเชียแปซิฟิก

*ความคิดเห็น*: การเกิดรอบปรับฐานที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ บ่งชี้ว่าตลาดคริปโตกำลังก้าวเข้าสู่ระดับที่มีความเป็นมืออาชีพและทนทานมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ข้อมูลจากโครงสร้างตลาดแท้จริง เริ่มมีน้ำหนักเหนือกว่าความผันผวนรายวันของราคา

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1