บิทไมน์ (Bitmine Immersion Technologies) เดินหน้าสะสมอีเธอเรียม(ETH) อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเวลาเพียง 5 เดือนครึ่ง บริษัทสามารถถือครอง ETH ได้ถึง 4.07 ล้านเหรียญ คิดเป็น *3.37% ของอีเธอเรียมที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมด* นอกจากนี้ เพียงสัปดาห์เดียว บริษัทได้เพิ่มการถือครองอีก 98,852 ETH คิดเป็นมูลค่าราว 1,461 พันล้านวอน
ตามการแถลงอย่างเป็นทางการของบิทไมน์ ปัจจุบันบริษัทถือครองบิตคอยน์(BTC) จำนวน 193 เหรียญ และมีสินทรัพย์รวม เช่น เงินสดและการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงประมาณ 13.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 19.57 ล้านล้านวอน) โดยในโครงการประเภท ‘มูนช็อต(moonshot)’ บริษัทได้ลงทุนในเอทโค โฮลดิงส์ เป็นวงเงิน 32 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ *เงินสดในมืออยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์*
ทอม ลี(Thomas Lee) ประธานของบิทไมน์และผู้ก่อตั้ง Fundstrat แสดงความเห็นว่า “นี่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สร้างได้ในเวลาเพียง 5.5 เดือน” พร้อมระบุว่า ทางบริษัทกำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย ‘ถือครอง 5% ของ ETH ในตลาด’ และเสริมว่าการถือครอง ETH ปริมาณมากกำลังสร้าง *การเชื่อมโยงระหว่างวอลล์สตรีทและโลกบล็อกเชน* ซึ่งช่วยขยายศักยภาพของระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi)
ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า บิทไมน์กลายเป็น *บริษัทที่ถือครองอีเธอเรียมมากที่สุดในโลก* และหากนับสินทรัพย์คริปโตโดยรวม บิทไมน์อยู่ในอันดับ 2 รองจากสเตรทิจี (Strategy) ของไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ซึ่งปัจจุบันถือครองบิตคอยน์กว่า 671,268 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 59 พันล้านดอลลาร์
นอกจากตลาดคริปโตแล้ว บิทไมน์ยังได้รับความนิยมในตลาดหุ้น โดยข้อมูลจาก Fundstrat ระบุว่า *ช่วง 5 วันที่ผ่านมาถึงวันที่ 19 ธันวาคม* หุ้นของบิทไมน์มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.52 ล้านล้านวอน) ส่งผลให้หุ้นของบริษัทติดอันดับ 66 จากหุ้นทั้งหมด 5,704 ตัวในตลาดหุ้นสหรัฐ เป็นอันดับตามหลังเวลส์ ฟาร์โก และสูงกว่าเชฟรอน
ด้านทิศทางราคาของอีเธอเรียม ยังคงเป็นที่จับตา หลังจากสามารถกลับไปแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ (ราว 444,000 บาท) ได้แบบชั่วคราว แต่กลับถูกขายทำกำไรจนลดลงต่ำกว่าระดับดังกล่าวอีกครั้ง
นักวิเคราะห์ คาเมอรอน อัสการ์ (Kamuran Asgar) ให้ความเห็นว่า ราคากำลังเข้าใกล้โซน *แนวต้านระหว่าง 3,150-3,200 ดอลลาร์* (ราว 467,000–474,000 บาท) และมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะย่อลงมาในช่วง 2,750–2,800 ดอลลาร์ หากยืนไม่อยู่ ขณะที่ เท็ด ฟิลโลว์ (Ted Philo) ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า หากราคาปิดรายวันเหนือ 3,000 ดอลลาร์อย่างมั่นคง *ราคามีแนวโน้มสูงขึ้นถึง 3,300 ดอลลาร์* แต่หากหลุดแนวรับสำคัญ ก็อาจถอยกลับไปแถว 2,700 ดอลลาร์ (ราว 400,000 บาท)
‘ความคิดเห็น’: การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของบิทไมน์ถือเป็น *สัญญาณสำคัญของผู้เล่นสถาบันที่มอง ETH เป็นสินทรัพย์แห่งอนาคต* โดยเฉพาะในโลก Web3 และ DeFi การเร่งสะสมอย่างชัดเจนนี้ อาจส่งผลต่อ *โครงสร้างอุปทาน* ของ ETH และอาจเป็นปัจจัยหนุนราคาหากความต้องการไม่ลดลง
‘คำสำคัญ’: บิทไมน์, อีเธอเรียม(ETH), กลยุทธ์ 5%, ตลาด DeFi, การลงทุนมูนช็อต, สินทรัพย์ดิจิทัล, ตลาดหุ้นสหรัฐ, บิตคอยน์(BTC)
ความคิดเห็น 0