บิแนนซ์คอยน์(BNB) กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักลงทุน หลังมีข่าวเกี่ยวกับการอัปเกรดเครือข่าย BNB เชนครั้งใหญ่ในชื่อ *เฟอร์มี* (Fermi) ที่จะเปิดใช้งานบนเมนเน็ตในวันที่ 14 มกราคม 2026 ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของราคาในช่วงต้นปี
ตามข้อมูลจาก BNB เชน เฟอร์มีเป็น *ฮาร์ดฟอร์ก* ที่มุ่งเป้าไปที่การยกระดับ ‘ความเร็ว’ และ ‘ประสิทธิภาพ’ ของระบบการประมวลผล โดยจะลดเวลาในการสร้างบล็อกจากเดิม 750 มิลลิวินาที เหลือเพียง 250 มิลลิวินาที นอกจากนี้ ยังได้มีการเพิ่มเทคโนโลยี ‘อินเด็กซิง’ ที่ช่วยให้สามารถเรียกดูข้อมูลเฉพาะจุดได้โดยไม่ต้องดาวน์โหลดประวัติบล็อกเชนทั้งหมด ซึ่งช่วยลดภาระในการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
การปรับปรุงประสิทธิภาพในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) และระบบการเงินดั้งเดิม (TradFi) โดยเฉพาะบริการ *การซื้อขายความถี่สูง* (HFT) ที่ต้องการความเร็วระดับวินาที การที่ BNB เชนสามารถทำงานในระดับเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนแบบดั้งเดิมได้ อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เงินทุนสถาบันหลั่งไหลเข้ามาในระบบนิเวศมากยิ่งขึ้น
ในฝั่งของราคา *บิแนนซ์คอยน์* ยังคงเคลื่อนไหวในรูปแบบ ‘สามเหลี่ยมบีบตัว’ ซึ่งเป็นช่วงสะสมพลังงาน โดยตัวชี้วัดทางเทคนิคเริ่มให้สัญญาณบวก เช่น ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ดัชนี RSI ที่ทำจุดต่ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ MACD ที่แสดงสัญญาณ ‘โกลเดนครอส’ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การกลับตัวของแนวโน้ม
ระดับราคาที่ต้องจับตาคือแนวต้านสำคัญที่ 870 ดอลลาร์ หากสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ มีแนวโน้มว่าราคาอาจพุ่งขึ้นไปถึง 1,050 ดอลลาร์ หรือแม้กระทั่งทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,375 ดอลลาร์อีกครั้ง *ความคิดเห็น*: หากการอัปเกรดครั้งนี้ไม่ใช่แค่กระแสข่าว แต่สามารถนำไปสู่การใช้งานจริงได้อย่างยั่งยืน BNB อาจกลายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรอบถัดไป
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านลบยังมีอยู่ หากแนวรับไม่สามารถยืนได้และเกิดการหลุดจากรูปแบบสามเหลี่ยมที่กล่าวไว้ ราคาของ BNB อาจร่วงลงมาถึง 500 ดอลลาร์ซึ่งเป็นแนวรับในเชิงโครงสร้างราคาระยะยาว
ในขณะที่กลุ่มสถาบันมุ่งเป้าไปที่ BNB เชน นักลงทุนรายย่อยกลับจับตาโปรเจกต์แนว *มีมคอยน์* อีกตัวที่ชื่อ *แม็กซี โดจ(MAXI)* ที่กำลังเป็นที่พูดถึงว่าอาจกลายเป็นดาราดวงใหม่ในปี 2026 หลังจากมีรายงานว่าโครงการสามารถระดมทุนในรอบพรีเซลล์ได้กว่า 4.35 ล้านดอลลาร์ โดยผู้เข้าร่วมสเตกกิ้งในช่วงต้นได้รับผลตอบแทนสูงถึง 71% ต่อปี *ความคิดเห็น*: สำหรับนักลงทุนที่พลาดกระแสดอจคอยน์(DOGE) หรือชีบะ(SHIB) ในอดีต โทเค็นตัวนี้อาจเป็นโอกาสใหม่ แต่ต้องพิจารณาความเสี่ยงควบคู่
สำหรับแนวโน้มตลาดโดยรวม *การอัปเกรดเฟอร์มี* นับเป็นจุดเปลี่ยนที่อาจยกระดับ BNB เชน ไปสู่ลีกเดียวกับอีเธอเรียม(ETH) หรือโซลานา(SOL) แบบเต็มตัว ความสามารถในการรองรับทรานแซกชันความเร็วสูง พร้อมประสิทธิภาพการจัดเก็บที่ดีขึ้น ถือเป็นการนำเสนอจุดแข็งใหม่ให้นักพัฒนาและผู้ใช้งาน *ความคิดเห็น*: ในวัฏจักรตลาดปัจจุบัน แนวคิดเกี่ยวกับการเข้าสู่ TradFi และการโทเค็นทรัพย์สินจริง(RWA) เป็นธีมหลัก หาก BNB สามารถสร้างการใช้งานอย่างแท้จริงได้ การเติบโตในระยะยาวยังคงน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0