Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เกาหลีใต้เลื่อนกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลไปปี 2026 เหตุขัดแย้งรุนแรงเรื่องสเตเบิลคอยน์

เกาหลีใต้เลื่อนออกกฎหมายคริปโตฉบับรวมไปปี 2026 หลังขัดแย้งเรื่องสเตเบิลคอยน์

ความพยายามของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการจัดระเบียบกฎหมายคริปโตยังคงเผชิญอุปสรรคอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่า การจัดทำ *“กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลพื้นฐาน”* ได้ถูกเลื่อนออกไปจนถึงปี 2026 เนื่องจากความเห็นต่างระหว่างสองหน่วยงานหลักคือ คณะกรรมการบริการทางการเงิน และ ธนาคารกลางเกาหลี เกี่ยวกับการออกสเตเบิลคอยน์

ประเด็นของข้อถกเถียงอยู่ที่บริบทของ ‘ผู้มีสิทธิเพื่อออกสเตเบิลคอยน์’ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเห็นพ้องเรื่องความสำคัญของ *“การคุ้มครองผู้ลงทุน”* แต่ความเห็นเรื่องโครงสร้างผู้ออกเหรียญกลับแตกต่างกันชัดเจน ส่งผลให้การออกกฎหมายต้องหยุดชะงัก

ร่างกฎหมายเบื้องต้นมีแผนกำหนดให้บริษัทที่ออกสเตเบิลคอยน์ต้องถือ ‘ทุนสำรอง 100%’ และต้องฝากไว้กับผู้ดูแลสภาพคล่องที่สาม เช่น ธนาคาร เพื่อคุ้มครองผู้ใช้กรณีเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ยังขยายบทบาทของผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (DASP) โดยเพิ่มภาระการเปิดเผยข้อมูล, การจำกัดโฆษณา และข้อบังคับเรื่องการชดใช้ความเสียหาย แม้ในกรณีที่พวกเขาไม่ใช่ผู้ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรง เช่น กรณีแฮ็กระบบ

หนึ่งในประเด็นสำคัญคือความเป็นไปได้ในการ *“กลับมาเปิดให้มีการระดมทุนผ่าน ICO”* อีกครั้งในประเทศ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขเข้มงวด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างละเอียด และผ่านเกณฑ์การบริหารความเสี่ยง ซึ่งถ้าได้รับการอนุมัติ จะเปิดทางให้บริษัทคริปโตในเกาหลีใต้กลับมามีช่องทางระดมทุนที่ขาดหายไปตั้งแต่ปี 2017

อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งกลับทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อ *ธนาคารกลางเกาหลี* เสนอว่า สเตเบิลคอยน์ควรถูกออกโดย ‘สมาคมที่นำโดยธนาคาร’ เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่า สเตเบิลคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยงถูกใช้เป็น “ตัวแทนเงินตราใหม่” จึงต้องควบคุมผ่านสถาบันการเงินแบบเดิม และเสนอให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของผู้ออกเหรียญต้องเป็นธนาคารไม่น้อยกว่า 51%

ด้าน *คณะกรรมการบริการทางการเงิน* กลับมองว่าแนวคิดดังกล่าวมีความ ‘จำกัดเกินไป’ และจะสกัดกั้นนวัตกรรมของบริษัทเทคโนโลยีและฟินเทค เพราะไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันในระบบได้ พร้อมชี้ว่าควรเปิดโอกาสให้หลายภาคส่วน เช่น สตาร์ทอัป หรือผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถร่วมพัฒนาโครงสร้างสเตเบิลคอยน์ได้โดยไม่ถูกกีดกัน

ความขัดแย้งยังขยายไปถึงระบบการกำกับดูแล โดยธนาคารกลางต้องการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อรับผิดชอบการอนุญาตและกำกับสเตเบิลคอยน์โดยตรง ขณะที่คณะกรรมการบริการทางการเงินชี้ว่า ปัจจุบันมีโครงสร้างผู้กำกับดูแลร่วมกับกระทรวงการคลังอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตั้งองค์กรใหม่ซ้อนทับ

ด้วยความเห็นที่ยังคงต่างฝ่ายต่างยืนกราน แนวโน้มการออกกฎหมายจึงถูกเลื่อนออกไปเป็น *ปี 2026* หรือหลังจากนั้น ส่งผลให้ตลาดคริปโตภายในประเทศยังคงเผชิญกับ *“ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ”* และอาจกระทบกับการดึงดูดนักลงทุนระยะยาว

แม้กฎหมายหลักจะถูกเลื่อน แต่ทางการเกาหลียังคงเร่งเดินหน้ามาตรการปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโต โดยตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีนี้ จะมีการบังคับใช้ *“กฎทราเวลรูล”* อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยยกเว้นสำหรับการโอนที่ต่ำกว่า 1 แสนวอน (ประมาณ 69 ดอลลาร์) การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยปิดช่องโหว่การฟอกเงินผ่านการโอนเงินจำนวนเล็กน้อย

ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทรับชำระเงินรายใหญ่ BC Card ได้ดำเนินโครงการนำร่องสำหรับการรับชำระผ่านสเตเบิลคอยน์แก่ลูกค้าต่างชาติ ซึ่งถือเป็นการทดสอบระบบโครงสร้างพื้นฐานการเงินแบบใหม่ อาจส่งสัญญาณถึงความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ยุคการเงินดิจิทัลเต็มรูปแบบในอนาคต

‘ความคิดเห็น’: แม้จะเปี่ยมด้วยศักยภาพ แต่ตลาดคริปโตเกาหลีใต้ยังคงต้องต่อสู้บนเวทีที่มีแรงดึงจากสองแนวทางคือ การรักษาเสถียรภาพทางการเงินกับการเปิดทางสู่นวัตกรรม คำตอบที่สมดุลระหว่างทั้งสองน่าจะต้องอาศัยเวลามากกว่าที่คาดไว้

‘คำสำคัญ’: กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลพื้นฐาน, สเตเบิลคอยน์, คณะกรรมการบริการทางการเงิน, ธนาคารกลางเกาหลี, ICO

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1