Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

แม็กซีน วอเทอร์ส เรียกร้องสอบ SEC เหตุถอนคดีคริปโต-เอื้อบิ๊กบริษัท

แม็กซีน วอเทอร์ส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(SEC) ที่มีแนวโน้มผ่อนปรนกฎระเบียบด้านคริปโตมากเกินไปนับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยเฉพาะการถอนฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทคริปโตรายใหญ่หลายคดี ล่าสุดเธอได้ส่งจดหมายเรียกร้องให้มีการจัดประชาพิจารณ์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ SEC ชี้แจงถึงความโปร่งใสในการดำเนินคดีที่ผ่านมา

ในจดหมายที่ส่งถึงประธานคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินของสภาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วอเทอร์สได้เรียกร้องให้ พอล แอทกินส์ ประธาน SEC ปรากฏตัวต่อหน้าสภา เธอระบุว่า ตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง คดีของบริษัทคริปโตขนาดใหญ่อย่าง คอยน์เบส, ไบแนนซ์, คราเคน และกรณีของจัสติน ซัน ต่างก็ถูกยุติเช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำนี้อาจมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ลงทุนจำนวนมาก

*“การยุติคดีหลายกรณีก่อนมีการลงมติในคณะกรรมการ SEC อาจสะท้อนสัญญาณของการแทรกแซงและความไม่โปร่งใส”* วอเทอร์สกล่าว พร้อมระบุว่าควรตรวจสอบว่าแอทกินส์เข้าไปมีบทบาทในการเจรจาปิดคดีมากเกินขอบเขตหรือไม่

ข้อมูลที่เปิดเผยระบุว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง SEC ได้ถอนฟ้องหรือยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับคริปโตราว 60% ของคดีทั้งหมด และในปี 2025 ยังไม่มีการฟ้องคดีใหม่ใดๆ เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คดีของคอยน์เบสยุติลงในเดือนกุมภาพันธ์โดยไม่มีการปรับหรือยอมรับผิด ขณะที่คดีของไบแนนซ์ปิดไปในเดือนพฤษภาคม และกรณีของริปเปิล(XRP) ก็มีการลดค่าปรับเหลือ 125 ล้านดอลลาร์ และถอนกระบวนการอุทธรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว

วอเทอร์สยังชี้ว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเมืองยื่นมือเข้าควบคุมนโยบายของ SEC โดยตรง พร้อมวิจารณ์ว่า แอทกินส์มักแสดงบทบาท SEC ในลักษณะที่ ‘เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหาร’ ซึ่งไม่สอดคล้องกับบทบาทขององค์กรอิสระตามที่สภาคองเกรสออกแบบไว้ *“ช่วงเวลาที่ทำเนียบแถลงข่าว มักสัมพันธ์กับความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าไว้วางใจในตลาด”* เธอกล่าว พร้อมระบุว่านี่อาจเป็นการละเมิด ‘กฎหมายว่าด้วยกระบวนการทางปกครอง’ ที่กำหนดให้ทุกการแก้ไขนโยบายของหน่วยงานรัฐต้องเปิดรับความเห็นสาธารณะก่อนดำเนินการ

นอกจากนี้ ยังมีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองนักลงทุน เช่น ด้าน AI, ความมั่นคงทางไซเบอร์ และโครงสร้างตลาด ถูกระงับหรือเลื่อนบังคับใช้ โดยมีการเลื่อนกำหนดพิจารณาเรื่องต่างๆ ไปจนถึงปี 2028 ซึ่งถือเป็นการผ่อนปรนข้อบังคับของธุรกิจในระดับที่น่ากังวล

ปัญหาภายในอีกข้อหนึ่งที่วอเทอร์สยกขึ้นมา คือ การลดการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นรายย่อย โดย SEC ได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่ดำเนินการต่อข้อเสนอของผู้ถือหุ้นอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังมีเสียงตั้งคำถามเกี่ยวกับทิศทางในการปรับปรุงระบบติดตามการซื้อขายหรือ ‘ระบบตรวจสอบธุรกรรมรวม (CAT)’ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการปั่นราคาหรือการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน

อีกประเด็นที่ชี้ให้เห็นถึงการอ่อนแอลงของ SEC คือ การลาออกของผู้บริหารระดับสูงจำนวนมาก โดยรายงานจาก Reuters ระบุว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากแผนกบังคับใช้กฎหมาย, การตลาด และข้อมูลบริษัท ราว 15–19% ได้ลาออก *“คลื่นการลาออกนี้กำลังทำลายศักยภาพการดำเนินงานของ SEC และเป็นบทพิสูจน์ว่าความสามารถเชิงคนลดต่ำลง”* วอเทอร์สกล่าว

ท้ายจดหมาย วอเทอร์สร้องขอให้สภาจัดประชาพิจารณ์อย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุด เพื่อเรียกร้องให้ SEC แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน โดยระบุว่า *“ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตรวจสอบว่า SEC ยังคงปกป้องนักลงทุน, ผู้เกษียณอายุ และครอบครัวทั่วไปอยู่หรือไม่”*

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของวอเทอร์สถูกมองว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของพรรคเดโมแครตในการหยุดยั้งแนวทาง ‘ลดกฎลดระเบียบ’ ของรัฐบาลทรัมป์ โดยเฉพาะที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมคริปโตอย่างชัดเจน

‘ความคิดเห็น’: การยุติการฟ้องร้องบริษัทคริปโตรายใหญ่ชั่วคราวอาจลดความกังวลของตลาดในระยะสั้น แต่หากการเมืองยังเข้าครอบงำการออกนโยบายของหน่วยงานอิสระอย่าง SEC แนวโน้มการกำกับดูแลตลาดในระยะยาวอาจเผชิญความเสี่ยง — ทั้งต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความเท่าเทียมของผู้เล่นในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1