บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 87,000 ดอลลาร์ แม้ปริมาณการซื้อขายจะลดลงจากบรรยากาศตลาดที่เงียบสงบในช่วงปลายปี สะท้อนถึง ‘จิตวิทยานักลงทุน’ ที่ยังคงนิ่ง แม้กระแสเงินจะชะลอตัว ด้านอีเธอเรียม(ETH) และบางเหรียญอัลท์คอยน์ยังมีทิศทางเชิงบวก แต่เห็นได้ชัดว่าตลาดโดดเด่นเฉพาะบางตัว
เมื่อวันที่ 30 (เวลาท้องถิ่น) ตลาดคริปโตโลกมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นประมาณ 0.7% มาแตะที่ราว 3.06 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 4,424 ล้านล้านวอน ขณะที่ปริมาณการซื้อขายตลอดวันอยู่ที่ราว 95.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการซื้อขายที่เบาบางจากผลของฤดูกาล
บิตคอยน์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยราว 1.3% มาอยู่ที่ประมาณ 87,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.26 ล้านบาท) ส่วนอีเธอเรียมปรับขึ้น 1.8% แตะ 2,980 ดอลลาร์ (ประมาณ 430,000 บาท) ในขณะที่โซลานา(SOL), ริปเปิล(XRP) และโดจคอยน์(DOGE) กลับถดถอย 0.3%-4.7% โดยรวมแล้วเหรียญอัลท์คอยน์ขนาดใหญ่ยังเป็นภาพ ‘ผสมผสาน’
ด้านปัจจัยทางเทคนิค บิตคอยน์ยังแกว่งแคบในกรอบ 85,000-89,000 ดอลลาร์ ซึ่งระดับ 85,000 ดอลลาร์นับเป็นแนวรับสำคัญ หากหลุดระดับนี้ มีโอกาสไหลลงต่อถึง 82,000 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน หากทะลุ 89,000 ดอลลาร์ มีแนวต้านต่อไปที่ 92,000 และ 95,000 ดอลลาร์
สำหรับอีเธอเรียม การเคลื่อนไหวที่มั่นคงบริเวณ 2,800 ดอลลาร์ บ่งชี้ความแข็งแกร่งในระยะสั้น โดยมีแนวต้านที่ 3,060-3,200 ดอลลาร์ ขณะที่แนวรับสำคัญคือ 2,780 ดอลลาร์ หากลดต่ำกว่านี้ มีความเสี่ยงลงต่อถึงช่วง 2,650-2,580 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวในตลาด ETF กลับสะท้อนภาพความกังวล โดยข้อมูลจากวันที่ 30 ระบุว่า กองทุน ETF บิตคอยน์แบบมีสินทรัพย์จริงในสหรัฐฯ มีเงินไหลออกสุทธิ 19.29 ล้านดอลลาร์ โดย ‘IBIT’ ของแบล็คร็อก บันทึกเงินไหลออกมากที่สุดถึง 7.79 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ‘ARKB’ ของอาร์ก อินเวสต์และ 21Shares ก็ไหลออกอีก 6.7 ล้านดอลลาร์
ฟาก ETF อีเธอเรียม ตัวเลขเงินไหลออกอยู่ที่ 9.63 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะ ‘ETHA’ ของแบล็คร็อกที่มีเม็ดเงินถอยเกือบ 13.3 ล้านดอลลาร์ ตรงข้ามกับ ‘FETH’ ของฟิเดลิทีที่ดึงเงินเข้า 3.7 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นแนวโน้ม ‘ผกผัน’ ในภาวะตลาดที่ซบเซา
แม้ภาพรวมจะนิ่ง แต่ในกลุ่มเหรียญขนาดกลางถึงเล็กยังมีการเคลื่อนไหวที่โดดเด่น โดย ‘เบต้าไฟแนนซ์’ ปรับขึ้นถึง 423% ในวันเดียว ขณะที่ ‘เอลลิซาโอเอส’ พุ่ง 150% และ ‘0x โปรโตคอล’ ก็แรงขึ้น 35% สร้างแรงดึงดูดใหม่ให้กับนักลงทุนที่หันมามองเหรียญนอกกระแส อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีการซื้อขายแบบคัดสรรเฉพาะเหรียญ ซึ่งแสดงถึงกลยุทธ์ระมัดระวังมากกว่าการลงทุนเชิงรุก
‘ดัชนีความกลัวและความโลภ’ จาก CoinMarketCap ระบุอยู่ที่ระดับ 29 ซึ่งยังอยู่ในโซน ‘ความกลัว’ สะท้อนถึงภาวะลังเลและการลดความเสี่ยงของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยที่กิจกรรมออนเชน ทั้งปริมาณธุรกรรม, จำนวนที่อยู่กระเป๋า และค่าธรรมเนียมทั้งหมด มีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกับตลาดสินทรัพย์แบบดั้งเดิมในช่วงปลายปี
ในมุมมองระยะยาว หลายฝ่ายยัง ‘แตกต่าง’ ในการคาดการณ์ราคา โดย ฮาชิบ กูเรชี แห่งดราก้อนฟลาย พาร์ทเนอร์ส คาดว่าบิตคอยน์จะทะลุ 150,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2026 แต่ส่วนแบ่งตลาดจะลดลง ส่วน ฟอน ลี ซีอีโอของ Strategy มองว่าพื้นฐานของบิตคอยน์แข็งแกร่ง แม้เจอแนวโน้มอ่อนแรงในปี 2025 ด้าน แมตต์ ฮูแกน จาก บิทไวส์ คาดว่า 2026 จะเป็น ‘ปีแห่งการเริ่มต้นขาขึ้นใหม่’ ของตลาดคริปโต
ขณะที่ภาพรวมระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง(DeFi) ยังโตไม่หยุด โดยรายงานจาก Coinbase Research ระบุว่า การซื้อขายอนุพันธ์แบบออนเชน(perpetual futures) มีมูลค่าเฉลี่ยทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อเดือน แซงหน้าบางตลาดซื้อขายแบบรวมศูนย์ ถือเป็นสัญญาณของโครงสร้างใหม่ในวงการคริปโต ‘ความคิดเห็น’ คือ นี่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนระยะยาวของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
แม้ปัจจัยภายนอกจะกดดันตลาดต่อเนื่อง แต่อย่างน้อยการปกป้องแนวรับของเหรียญหลักยังถือเป็นสัญญาณบวกช่วงรอยต่อปี และอาจเป็น ‘โอกาส’ แรกสำหรับผู้ที่มองหาจังหวะลงทุนในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ความคิดเห็น 0