บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ บริเวณ 88,700 ดอลลาร์ หรือราว 1.28 ล้านบาท ณ วันสุดท้ายของปี 2025 สะท้อนถึงภาวะตลาดที่กำลัง 'พักฐาน' หลังจากผ่านช่วงผันผวนหนักในไตรมาส 4 โดยแรงซื้อจากสถาบันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความสนใจหันไปที่ปี 2026 ว่า การไหลเข้าของเม็ดเงินจาก ETF ประเภทสินทรัพย์จริงอาจเป็นแรงผลักดันรอบใหม่ของตลาดหรือไม่
มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1.77 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 2,557 ล้านล้านบาท ด้วยปริมาณซื้อขายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ 33.9 พันล้านดอลลาร์ โดยราคายังคงแกว่งตัวอยู่ในช่วง 87,900 ถึง 90,000 ดอลลาร์ พร้อมแรงพยุงจากฝั่งผู้ซื้อที่ยังไม่ยอมถอย แต่ก็ยังขาดปัจจัยผลักดันที่ชัดเจนในการพาราคาทะลุกรอบดังกล่าวไปได้
ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่า ปริมาณบิตคอยน์ที่ถูกถือครองผ่าน ETF ประเภทสินทรัพย์จริงเพิ่มขึ้นแตะระดับ 612,000 BTC ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์เหล่านี้รวมกันสูงถึง 116.5 พันล้านดอลลาร์ แม้ปริมาณซื้อขายในช่วงปลายปีจะลดลงเหลือประมาณ 4.21 พันล้านดอลลาร์ ก็ยังบ่งชี้ถึงความสนใจต่อเนื่องจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งช่วยเสริมเสถียรภาพของราคาบิตคอยน์
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองว่าการไหลเข้าต่อเนื่องของกองทุน ETF ทำหน้าที่เป็น ‘ตัวกันชน’ ทางด้านราคาช่วงขาลง หากเกิดแรงขาย ก็มีแนวโน้มที่เม็ดเงินเหล่านี้จะรองรับได้ และทำให้ระดับความผันผวนลดลง
ด้านมุมมองทางเทคนิค ราคาบิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวภายใน 'รูปสามเหลี่ยมสมมาตร' โดยระดับแนวต้านอยู่ที่ 92,200 ดอลลาร์ และแนวรับที่ 87,700 ดอลลาร์ ราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบลงเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการเบรกจากด้านใดด้านหนึ่ง นอกจากนี้ ค่า RSI ยังคงอยู่ใกล้ระดับ 50 ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้ม ‘ตลาดกลาง’ และลักษณะกราฟแท่งเทียนแสดงถึงความลังเลของทั้งฝั่งซื้อและขายในขณะนี้
จุดชี้ขาดถัดไปจึงอยู่ที่ความต่อเนื่องของการไหลเข้าในกองทุน ETF หากแนวต้าน 90,000 ดอลลาร์ถูกทะลุ อาจเป็นสัญญาณเปิดทางสู่เป้าหมายถัดไปที่ 92,200 ดอลลาร์ และ 94,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากแนวรับที่ 87,700 ดอลลาร์พังลง แรงกดดันอาจดึงราคาลงไปทดสอบระดับ 86,700 ดอลลาร์ โดยที่ตลาดยังเชื่อว่า การทรุดตัวรุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้น หากกระแสเงินทุนจากสถาบันยังสม่ำเสมอ
มีความคาดหวังว่า ปี 2026 จะเป็นปีแห่งการตัดสินทิศทางของตลาดอย่างชัดเจน เมื่อพิจารณาจากแรงซื้อของ ETF, ปริมาณ BTC ที่จำกัดในการหมุนเวียน และภาพรวมของสภาพคล่องที่ชัดเจนมากขึ้น นักวิเคราะห์บางรายถึงกับชี้ว่า สถานการณ์ปัจจุบันอาจไม่ใช่แค่การ ‘ย่อลมหายใจ’ แต่เป็นช่วงเวลาสะสมพลัง ก่อนเกิดความเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ในระยะถัดไป
ในอีกด้านหนึ่งของตลาดเหรียญมีม 'PEPENODE' ซึ่งพัฒนาในรูปแบบ ‘เล่นเหมืองเพื่อรับรางวัล’ (Mine-to-Earn) กำลังได้รับความสนใจ โดยสามารถระดมทุนไปแล้วกว่า 2.48 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 35.8 ล้านบาท ใกล้ปิดรอบพรีเซลล์ ราคาต่อ 1 PEPENODE อยู่ที่ 0.0012161 ดอลลาร์ หรือราว 1.75 สตางค์ ผู้เข้าร่วมสามารถสเตกโทเคนก่อนการสร้างเหรียญจริง และเข้าร่วมกิจกรรมผ่านระบบแผงควบคุมแบบเกม ซึ่งออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมในชุมชน
การผสมผสานระหว่างโครงสร้างรางวัล ระบบลีดเดอร์บอร์ด และความบันเทิงที่แฝงเข้ามา ชี้ให้เห็นว่า PEPENODE อาจเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในวิวัฒนาการของตลาดเหรียญมีมในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0