ราคาของแมนเทิล(MNT) ลดลงกว่า 8% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับแนวโน้มฟื้นตัวของเหรียญคริปโตชั้นนำอื่น ๆ หลังการปรับฐานในช่วงคริสต์มาส ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่าเหรียญนี้อาจกำลังเข้าสู่ภาวะตลาดขาลงระยะสั้น
ระดับราคาที่นักลงทุนกำลังจับตามองคือ 0.885 ดอลลาร์ (ราว 1,280 บาท) ซึ่งถือเป็นแนวรับสำคัญในรูปแบบกราฟแบบ ‘หัวและไหล่’ หากราคาหลุดจากระดับนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่าอาจร่วงลงได้อีกถึง 30% ไปสู่ระดับต่ำสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ 0.685 ดอลลาร์ (ราว 991 บาท)
ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาด สถาบันการลงทุนเริ่มมีความเคลื่อนไหวล่าสุด โดยบริษัทเงินลงทุน ดรากอนฟลาย แคปิตอลได้โอนเหรียญแมนเทิลมูลค่า 6.95 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 100.5 ล้านบาท ไปยังแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ มองว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเตรียมขายเหรียญออก ทำให้นักลงทุนรายย่อยเกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้น
แม้ราคาจะอ่อนตัว แต่พื้นฐานของโครงการแมนเทิลยังคงแข็งแกร่ง จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือการเป็นหนึ่งในโปรเจกต์เลเยอร์ 2 ที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 และกลยุทธ์ ‘โทเคนไนเซชันแบบบริการ (Tokenization-as-a-Service)’ ก็ถูกมองว่าเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) และการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
ด้วยความชัดเจนด้านข้อกฎหมายที่เพิ่มขึ้น ความสนใจกำลังไหลสู่บริการทางการเงินแบบออนเชนมากขึ้น และแมนเทิลก็มีศักยภาพในการใช้งานที่สูงกว่าโปรเจกต์เลเยอร์ 2 อื่น ๆ นักวิเคราะห์มองว่าโครงสร้างปัจจัยพื้นฐานแบบนี้จะสร้างแรงส่งให้ราคากลับมาแข็งแกร่งในระยะกลางถึงยาว
ในด้านเทคนิค แม้แนวโน้มระยะสั้นจะเป็นลบ แต่สัญญาณบางอย่างยังชี้โอกาสของการฟื้นตัว ดัชนี RSI กำลังเข้าใกล้ระดับ ‘ขายมากเกินไป’ ที่ 30 ซึ่งในอดีตก็เคยเป็นจุดเริ่มต้นของการเด้งกลับของราคา ขณะเดียวกัน MACD ก็เริ่มบ่งชี้ถึงแรงขายที่ลดลง นำไปสู่การวิเคราะห์ว่าอาจเกิดการรีบาวด์ในเร็ว ๆ นี้
หากราคายังสามารถยืนเหนือระดับ 0.885 ดอลลาร์และดีดกลับได้ ก็อาจกลายเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1.80 ดอลลาร์ (ราว 2,605 บาท) และระดับสูงสุดเดิมที่ 3 ดอลลาร์ (ราว 4,341 บาท) และหากสามารถทะลุขึ้นไปได้ ก็มี ‘ความคิดเห็น’ ว่าแมนเทิลอาจพุ่งสูงสุดถึง 3.80 ดอลลาร์ (ราว 5,499 บาท) ตามรูปแบบกราฟ ‘ธงขาขึ้น’
ในอีกด้านหนึ่ง สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ไม่ต้องการเผชิญกับความผันผวนสูงของแมนเทิล ก็มีทางเลือกใหม่เกิดขึ้นในชื่อ ‘เปเปโนด($PEPENODE)’ ซึ่งเป็นโปรเจกต์เกมรูปแบบ ‘Mine-to-Earn’ ที่ไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ในการขุด
ผู้ใช้งานสามารถเข้าร่วมได้ด้วยการตั้งค่าตัวโนดแบบเสมือน และรับรางวัลในรูปแบบเหรียญมีมหลายสกุล โดยความน่าสนใจของโครงการนี้อยู่ที่โทเคนที่ใช้จัดตั้งโนดจะถูกนำไป ‘เผาทิ้ง’ ถึง 70% ของปริมาณ ซึ่งมองว่าจะช่วยลดอุปทานและประคองราคาขึ้นในระยะยาว
เปเปโนดจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถจับจังหวะตลาดคริปโตได้แม่นยำ โดยมีการเปิดขายล่วงหน้าอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ เมื่อพ้นช่วงนี้ ราคาการเข้าร่วมคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น
ความคิดเห็น 0