ตลาด NFT กำลังเผชิญกับปัญหา ‘วอชเทรดดิ้ง’ และ ‘การฟอกเงิน’ ซึ่งเป็นสองพฤติกรรมที่บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของตลาด โดยทั้งสองวิธีนี้ถูกใช้เพื่อบิดเบือนราคาหรือปกปิดแหล่งที่มาของเงินผิดกฎหมาย ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องรับมือกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
‘วอชเทรดดิ้ง’ เป็นการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลซ้ำไปซ้ำมาเพื่อทำให้ดูเหมือนว่ามีปริมาณการซื้อขายสูงขึ้น โดยผู้ไม่หวังดีจะใช้วิธีนี้เพื่อสร้างภาพลวงตาว่า NFT มีความต้องการสูง ทั้งที่ความจริงไม่มีการซื้อขายจริงเกิดขึ้น บ่อยครั้งการกระทำนี้ส่งผลให้ราคาถูกปั่นสูงเกินจริง สร้างความเข้าใจผิดให้กับนักลงทุน ซึ่งในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม การทำเช่นนี้ถือเป็นการทุจริตและผิดกฎหมาย
อีกด้านหนึ่ง การฟอกเงินเป็นกระบวนการที่ทำให้เงินผิดกฎหมายดูเหมือนเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้อง โดยใช้ NFT เป็นเครื่องมือสำคัญ ความไม่เปิดเผยตัวตนในระบบบล็อกเชนทำให้การติดตามเส้นทางการเงินเป็นไปได้ยาก ตัวอย่างเช่น อาชญากรสามารถซื้อ NFT แล้วขายต่อให้กับตัวเองผ่านบัญชีต่าง ๆ จนในที่สุดก็มองไม่ออกว่าเงินต้นทางมาจากที่ใด
ผลกระทบจากพฤติกรรมเหล่านี้กระทบต่อตลาด NFT และอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม หากราคาถูกปั่นให้สูงเกินจริง นักลงทุนอาจประเมินมูลค่าผิดพลาดและตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงได้ นอกจากนี้ ปัญหาการฟอกเงินที่ขยายตัวอาจทำให้หน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) และเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งอาจจำกัดการเติบโตของตลาด NFT ในอนาคต
เพื่อป้องกันความเสี่ยง นักลงทุนควรตรวจสอบประวัติการซื้อขายของ NFT อย่างละเอียดก่อนลงทุน และใช้แพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ หากพบเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่ผิดปกติหรือรูปแบบการซื้อขายที่น่าสงสัย ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในระยะยาว ความโปร่งใสและมาตรการรักษาความปลอดภัยจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา NFT อย่างยั่งยืน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมก็จำเป็นต้องร่วมกันกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและมาตรการทางกฎหมายที่เข้มแข็งขึ้น
ความคิดเห็น 0