การประชุมสุดยอดคริปโตที่จัดขึ้นในทำเนียบขาวสร้างความคาดหวังว่าการผ่อนปรนกฎระเบียบและการปรับเปลี่ยนนโยบายจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคริปโตในสหรัฐฯ คริส มาร์ซาเลก ซีอีโอของคริปโตดอทคอม(Crypto.com) กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ว่าเป็น “วันประวัติศาสตร์ในทำเนียบขาว” พร้อมย้ำว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้ผลักดันคริปโตให้เป็นศูนย์กลางของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจอเมริกัน
เมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา การประชุมสุดยอดคริปโตที่ทำเนียบขาวได้เปิดเวทีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนและผลักดันให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก ล่าสุด สำนักงานควบคุมเงินตราสหรัฐ(OCC) ได้ประกาศมาตรการลดภาระด้านกฎระเบียบเพื่อช่วยให้ธนาคารสามารถให้บริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโตได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยมาตรการนี้ออกมาหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะยกเลิกนโยบาย ‘จุดบีบคอ 2.0(Chokepoint 2.0)’ เพียงไม่กี่ชั่วโมง
การเปลี่ยนแปลงแนวทางของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลต่อแนวทางการถือครองและบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ เดวิด แซ็กส์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายคริปโตของทำเนียบขาวระบุว่า “บิตคอยน์(BTC) เป็นสินทรัพย์หายากและมีมูลค่า สหรัฐฯ ควรถือครองมันเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ระยะยาว” พร้อมกล่าวถึงความจำเป็นในการจัดระบบการบริหารบิตคอยน์ของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้สหรัฐฯ ได้ถือครองบิตคอยน์มากกว่า 200,000 BTC และมีแผนดำเนินการตรวจสอบสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับหน่วยงานสหพันธรัฐ
ด้านหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินก็เริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเช่นกัน ร็อดนีย์ ฮูด รักษาการประธาน OCC เปิดเผยว่า “เราจะลดภาระกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมธนาคารและธุรกิจคริปโต รวมถึงสร้างมาตรฐานกำกับดูแลให้มีความสม่ำเสมอ” ซึ่งมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะเอื้อต่อการให้บริการดูแลสินทรัพย์คริปโต(custody service) การดำเนินงานเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ และการเข้าร่วมในเครือข่ายบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าการเปลี่ยนแปลงท่าทีของรัฐบาลทรัมป์อาจส่งเสริมให้ตลาดคริปโตในสหรัฐฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต อีกทั้งแนวทางใหม่ของทำเนียบขาวอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก
ความคิดเห็น 0