ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังใช้กลยุทธ์บีบเฟดลดดอกเบี้ย?
แอนโทนี ปอมพลิอาโน นักลงทุนและผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) รายใหญ่เปิดเผยผ่าน X (เดิมคือทวิตเตอร์) เมื่อวันที่ 10 ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อต เบซเซนต์ ได้เข้ามาแทรกแซงตลาดโดยตรง เพื่อลดแรงกดดันต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล และบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดอัตราดอกเบี้ย
ปอมพลิอาโนชี้ว่า ฝ่ายบริหารของทรัมป์กำลังใช้ ‘การปรับลดราคาสินทรัพย์โดยเจตนา’ เป็นเครื่องมือหลัก เพื่อปรับสมดุลตลาดพันธบัตร โดยเขาให้เหตุผลว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลดลงจาก 4.8% เมื่อต้นเดือนมกราคม เหลือ 4.21% ในปัจจุบัน ซึ่งอาจเอื้อต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ได้
เขาระบุว่า นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันผวนในตลาด ซึ่งส่งผลให้ตลาดพันธบัตรได้รับผลประโยชน์ทางอ้อม สถานการณ์นี้ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี โดยเมื่อวันที่ 10 ดัชนี S&P 500 ร่วง 2.66% ขณะที่ Nasdaq 100 ดิ่ง 3.8% สร้างความกังวลในหมู่นักลงทุน นอกจากนี้ บิตคอยน์ก็ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงถึง 27.4% จากระดับสูงสุดที่ 108,786 ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมลดลงกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
แม้ว่าจะยังไม่มีการยอมรับอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกลยุทธ์ดังกล่าว แต่ทรัมป์ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่า “ถ้าดอกเบี้ยสูงเกินไป ไม่มีใครสามารถกู้เงินมาใช้และสร้างความมั่งคั่งได้” ปอมพลิอาโนชี้ว่าคำพูดนี้สะท้อนถึงแรงกดดันของทรัมป์ต่อ Fed ให้ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก็ยังมีอยู่ โดยข้อมูลจาก CME FedWatch ระบุว่าความเป็นไปได้ที่ Fed จะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 มีนาคม อยู่ที่ 96% แต่การประชุมครั้งถัดไปในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้ม 50-50 ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่
ในมุมมองของปอมพลิอาโน นี่อาจกลายเป็นศึกระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และ Fed ว่าใครจะยอมถอยก่อน นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าหาก Fed ยอมลดดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวโดยเจตนา ก็อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตกอยู่ใน ‘Trumpcession’ หรือภาวะถดถอยที่เกิดจากนโยบายของทรัมป์เอง
ความคิดเห็น 0